เมื่อ 17 ก.พ. มูลนิธิทอมสัน รอยเตอร์ส เผยแพร่รายงานของกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) ว่าด้วยประเทศในเอเชียที่ปล่อยขยะพลาสติกลงสู่มหาสมุทรมากที่สุด โดยระบุว่ามาเลเซียครองอันดับ 1
รายงานของ WWF สำรวจการใช้พลาสติกในจีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และไทย ซึ่งทั้ง 6 ประเทศนี้ปล่อยขยะพลาสติกลงสู่มหาสมุทรรวมกันถึง 60% ของขยะพลาสติกที่ไหลลงสู่มหาสมุทรทั่วโลกทั้งหมดราว 8 ล้านตันต่อปี โดยรายงานนี้มุ่งวิจัยเรื่องการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติก และพบว่าในปี 2559 มีการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกใน 6 ประเทศนี้ถึง 27 ล้านตัน ซึ่งส่วนใหญ่ไหลลงสู่มหาสมุทรในที่สุด
รายงานชี้ว่าช่วงปี 2553-2593 ขยะพลาสติกในทะเลจะเพิ่มขึ้น 4 เท่าจนมีน้ำหนักรวมกันมากกว่าปลาในมหาสมุทรภายในกลางศตวรรษนี้ ขณะที่การแพร่ก๊าซคาร์บอนที่เกี่ยวข้องกับพลาสติก ทั้งจากการผลิตและเผา มีปริมาณถึง 860 ล้านตันในปี 2562 มากกว่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่อปีของไทย เวียดนามและฟิลิปปินส์รวมกันใน 6 ประเทศนี้ ชาวมาเลเซียใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกต่อคนต่อปีมากที่สุดราว 16.8 กก. ส่วนอันดับ 2 คือไทย ใช้คนละ 15.5 กก.ต่อปี โดย
นายโธมัส ชูลด์ต ผู้ประสานงานของ WWF ว่าด้วยพลาสติกในระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน เผยว่า มาเลเซียใช้พลาสติกมาก เพราะเป็นหนึ่งในชาติร่ำรวยที่สุด มีการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกจัดส่งอาหารถึงบ้านอย่างแพร่หลาย นอกเหนือจากการใช้ถุงพลาสติกตามห้างสรรพสินค้า
รายงานระบุว่าหลายพื้นที่ในเอเชียเศรษฐกิจและประชากรเติบโตอย่างรวดเร็ว หลายเมืองใหญ่ที่ผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่นยังตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเล แต่ระบบการเก็บขยะและโครงสร้างพื้นฐานตามไม่ทันการพัฒนาอย่างรวดเร็วนี้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าปัจจัยเลวร้ายรวมกันเหล่านี้ส่งผลให้ขยะพลาสติกไหลลงสู่ทะเลมหาศาล นอกจากนี้ หลังจีนห้ามนำเข้าขยะพลาสติกในปี 2561 ผู้ส่งออกขยะรายใหญ่เช่นสหรัฐฯ และชาติในยุโรปก็เริ่มส่งขยะมาทิ้งที่เอเชียแทน ซึ่งนอกจากขยะพลาสติกจะทำลายการท่องเที่ยว การประมงและอุตสาหกรรมการเดินเรือ มันยังคร่าชีวิตสัตว์ทะเลและหลุดเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารของมนุษย์ด้วย
...
WWF กระตุ้นให้รัฐบาลมาเลเซียและประเทศอื่นๆในเอเชียออกกฎเกณฑ์จำกัดการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง นำมารีไซเคิล ร่วมมือกับภาคธุรกิจและกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สร้างระบบที่กระตุ้นให้บริษัทสินค้าเพื่อการบริโภคใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกน้อยลง และเพิ่มงบประมาณโครงการรีไซเคิลมากขึ้น.