โรงพยาบาลในเมืองอู่ฮั่นออกมาปฏิเสธข่าวลือการเสียชีวิตของ หมอหลี่ หนึ่งในคนแรกๆ ที่ออกมาเตือนเรื่องไวรัสโคโรนา แต่ยอมรับว่าอาการของเขาอยู่ในขั้นวิกฤติ
สำนักข่าว เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ รายงานเมื่อ 7 ก.พ. 2563 ว่า โรงพยาบาลกลางเมืองอู่ฮั่นออกมาปฏิเสธข่าวการเสียชีวิตของหมอ หลี่ เหวินเหลียง ซึ่งเป็น 1 ใน 8 หมอกลุ่มแรกที่พยายามเตือนสังคมเรื่องการปรากฏของไวรัสโคโรนาสายพันธ์ุใหม่เมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน จนโดนตำรวจท้องถิ่นเรียกตัวไปพบและลงนามเอกสารไม่ให้เปิดเผยเรื่องนี้อีก
“ในการต่อสู้กับการระบาดของโรคปอดบวมจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธ์ุใหม่ หมอหลี่ เหวินเหลียง จักษุแพทย์ของโรงพยาบาลเราโชคร้ายติดเชื้อ ตอนนี้เขาอยู่ในอาการขั้นวิกฤติ และเรากำลังพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อยื้อชีวิตเขาเอาไว้” โรงพยาบาลกลางเมืองอู่ฮั่นระบุผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ เว่ยป๋อ
แถลงการของโรงพยาบาลกลางเมืองอู่ฮั่นเกิดขึ้นหลังจาก มีรายงานขัดแย้งมากมายเรื่องการเสียชีวิตของหมอหลี่ โดยก่อนหน้านี้สื่อจีนอย่าง เบจิงนิวส์ และ โกลบอล ไทม์ส ระบุว่าหมอหลี่เสียชีวิตแล้ว แต่ขณะที่บางรายงานระบุว่า หมอหลี่หัวใจหยุดเต้น แต่ทีมแพทย์ยังยื้อชีวิตเขาไว้ด้วยเครื่องปอดและหัวใจเทียม ECMO
อย่างไรก็ตาม ข่าวลือเรื่องการเสียชีวิตของหมอหลี่ก็ทำให้คนจำนวนมาก รวมทั้งองค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาร่วมแสดงความไว้อาลัยบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ของจีน ขณะที่บางคนแสดงความไม่พอใจเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำเอกสารอย่างเป็นทางการตำหนิหมอหลี่ โดยระบุว่า เหตุการณ์นี้จะกลายเป็นจุดด่างพร้อยในประวัติศาสตร์การต่อสู่กับโรคระบาดของจีน
...
ทั้งนี้ หมอหลี่ เหวินเหลียง วัย 34 ปี เปิดเผยเรื่องราวของตัวเองจากเตียงโรงพยาบาลผ่านเว็บไซต์ เว่ยป๋อ เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาระบุว่า ในวันที่ 30 ธ.ค.ปีก่อน เขาส่งข้อความในกรุ๊ปแชตเตือนเพื่อนร่วมงานให้ระวังไวรัสปริศนาที่ทำให้เกิดอาการคล้ายโรคซาร์ส โดยมีผู้ป่วยถูกส่งมาโรงพยาบาลหลายรายแล้ว และทั้งหมดกำลังถูกกักกัน
แต่ไม่กี่วันต่อมา หมอหลี่ กับหมออีก 7 คนที่แชร์ข้อมูลเกี่ยวกับการระบาด ถูกเชิญตัวไปยังสำนักงานตำรวจท้องถิ่น และบังคับให้ลงนามในเอกสารสัญญาว่า จะไม่เปิดเผยเรื่องเกี่ยวกับโรคนี้อีก อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 10 ม.ค. หมอหลี่ก็เริ่มมีอาการไอ วันต่อมามีไข้ และ 2 วันหลังจากนั้นเขาก็ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ก่อนจะได้รับการวินิจฉัยในวันที่ 30 ม.ค. ว่า เขาติดเชื้อไวรัสโคโรนาจากหนึ่งในคนไข้ของเขา