...เพิ่งก้าวย่างเข้าปีใหม่ 2020 ภูมิภาคตะวันออกกลางก็ร้อนระอุขึ้นอีกหลายขีด หลังสหรัฐฯใช้อากาศยานไร้นักบิน (โดรน) ยิงจรวดถล่มขบวนรถยนต์นายพลกัสเซม โซไลมานี วัย 62 ปี ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ (Quds) ทหารหน่วยหนึ่งของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน รับผิดชอบภารกิจพิเศษและภารกิจลับในต่างประเทศ

นายพลโซไลมานีถูกสังหารโหดใกล้สนามบินนานาชาติกรุงแบกแดดของอิรักเมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ 3 ม.ค. สหรัฐฯอ้างเหตุผลการสังหารนายพลโซไลมานีตามคำสั่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพราะนายทหารรายนี้มือเปื้อนเลือด เขาคือผู้นำปฏิบัติการลับหลายอย่างในภูมิภาคตะวันออกกลางตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทั้งกำลังเคลื่อนไหวเตรียมแผนโจมตีหน่วยงานด้านการทูตของสหรัฐฯ ตลอดจนทหารสหรัฐฯในอิรัก นอกเหนือจากเคลื่อนไหวปฏิบัติการทางทหารในเลบานอน ซีเรียและที่อื่นๆ

ถ้อยแถลงขู่จากผู้นำสหรัฐฯผ่านสื่อสังคมออนไลน์ถึงอิหร่าน ระบุ “สหรัฐฯจะโจมตีเป้าหมาย 52 แห่ง ซึ่งล้วนสำคัญต่ออิหร่านในหลายๆด้าน รวมถึงด้านวัฒนธรรมอย่างรวดเร็วและหนักหน่วงรุนแรง ถ้าอิหร่านโจมตีตอบโต้เป้าหมายชาวอเมริกัน หรือทรัพย์สินและผลประโยชน์ของอเมริกัน”

ท่าทีของอิหร่าน ประณามการกระทำของสหรัฐฯก็คือ “ก่อการร้าย” ทั้งประกาศเตรียมแผนแก้แค้นสหรัฐฯอย่างหนักหน่วงรุนแรงเช่นกัน แม้ยังไม่แย้มวิธีการตอบโต้ แต่ก็ทำให้ประชาคมโลกร้อนรุ่มพยายามเรียกร้องหาทางออกเรื่องนี้อย่างประนีประนอมผ่านกระบวน การเจรจา

ผลกระทบเบื้องต้นจากเหตุสังหารนายพลโซไลมานี เริ่มจากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกขยับสูงขึ้น สวนทางราคาหุ้นในตะวันออกกลางดิ่งลง แนวร่วมสำคัญของสหรัฐฯรวมถึงอิสราเอล ชื่นชมปฏิบัติการสังหารนายพลโซไลมานี ระบุสหรัฐฯได้ประเมินค่าเรื่องนี้อย่างเหมาะสมแล้ว ส่วนซาอุดีอาระเบีย ประกาศชี้แจงไม่มีส่วนร่วมใดๆกับสหรัฐฯจากปฏิบัติการสังหารนายพลโซไลมานี ขณะที่อิหร่านประกาศรื้อฟื้นโครงการพัฒนานิวเคลียร์...

...

เหล่านักวิเคราะห์คาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้ไป คือการโจมตีเป้าหมายอเมริกันในพื้นที่ต่างๆมากขึ้น รัฐบาลอิรักยิ่งถูกกดดันหนักหน่วงจากทั้งภายในและภายนอกประเทศให้ต้องทบทวนผลักดันทหารอเมริกันออกจากดินแดนมาตุภูมิและอิหร่านจะได้รับการสนับสนุนมากขึ้นจากแนวร่วมและกลุ่มกองกำลังตัวแทน

ส่วน “โดนัลด์ ทรัมป์” ผู้นำสหรัฐฯได้โกยคะแนนเสียงขึ้นอีกไม่น้อยจากการปลุกสร้างกระแสชาตินิยม “อเมริกันต้องมาก่อน” เพื่อชัยชนะเลือกตั้งนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีชาติยิ่งใหญ่อันดับ 1 ของโลกต่ออีก 4 ปี...

อานุภาพ เงินกระแชง