รัฐบาลอิหร่านประกาศเลิกทำตามข้อกำหนดของข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558 แล้ว หลังจากสหรัฐฯ โจมตีทางอากาศสังหารพลเอก คาเซม โซไลมานี่

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลอิหร่านออกแถลงการณ์ในวันอาทิตย์ที่ 5 ม.ค. 2563 ว่า พวกเขาจะไม่ทำตามข้อจำกัดในเรื่องขีดความสามารถในการเสริมสมรรถนะแร่กัมมันตรังสี, ขีดจำกัดการเก็บสต๊อกแร่ที่ผ่านการเสริมสมรรถนะแล้ว หรือข้อจำกัดการวิจัยและพัฒนานิวเคลียร์ ที่กำหนดไว้ในข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558 อีกต่อไป

ทั้งนี้ อิหร่านทำข้อตกลงกับมหาอำนาจ 6 ชาติในปี 2558 โดยยอมให้ตั้งข้อจำกัดในโครงการนิวเคลียร์ของพวกเขา แลกกับการให้สหรัฐฯ ผ่อนคลายการคว่ำบาตร แต่ในปี 2561 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนี้เพื่อบีบให้อิหร่านกลับมาเจรจาข้อตลงใหม่อีกครั้ง แต่อิหร่านปฏิเสธ และค่อยๆ ลดระดับการทำตามข้อจำกัดในสัญญาเรื่อยมา

ผู้ประท้วงต่อต้านสหรัฐฯ รวมตัวกันหน้าที่หน้าสถานกงสุลสหรัฐฯ ในอิสตันบูล ของอิสราเอล
ผู้ประท้วงต่อต้านสหรัฐฯ รวมตัวกันหน้าที่หน้าสถานกงสุลสหรัฐฯ ในอิสตันบูล ของอิสราเอล

...

แต่ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้อิหร่านตัดสินใจเลิกทำตามข้อตกลงฉบับนี้อย่างสิ้นเชิงคือ การที่สหรัฐฯ โจมตีทางอากาศสังหารพลเอก คาเซม โซไลมานี่ ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ ซึ่งถูกมองว่าเป็นผู้ทรงอำนาจที่สุดอันดับ 2 ของอิหร่าน เมื่อวันศุกร์ที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งอิหร่านประกาศอย่างชัดเจนว่า พวกเขาจะแก้แค้นสหรัฐฯ ในเรื่องนี้ แต่ไม่เปิดเผยว่าจะทำอย่างไร

ในช่วงเย็นวันเดียวกัน ที่กรุงแบกแดดมีจรวด 2 ลูกถูกยิงเข้าไปในเขต ‘กรีนโซน’ หรือ ‘พื้นที่นานาชาติ’ ที่อยู่นอกเขตสงครามและมีความปลอดภัยสูง ใกล้กับสถานทูตสหรัฐฯ และมีจรวดถูกยิงไปตกอีกจุดของเมืองด้วย ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีใครออกมาอ้างตัวว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีนี้

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ

ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเป็นผู้สั่งการให้โจมตีสังหารนายพลโซไลมานี่ ทวีตข้อความบนทวิตเตอร์ขู่อิหร่านว่า สหรัฐฯ จะโจมตีตอบโต้อย่างเต็มรูปแบบ หากเกิดเหตุการณ์โจมตีที่เป็นการแก้แค้นต่อการตายของนายพลสุไลมานี และการตอบโต้อาจเกิดขึ้นในลักษณะไม่ถูกต้องตามธรรมเนียม โดยไม่มีการประกาศล่วงหน้าด้วย