คิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ขี่ม้าสีขาว ขึ้นภูเขาแพ็กตู ภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศเป็นครั้งที่ 2 ในรอบไม่ถึง 2 เดือนเมื่อวันพุธที่ 4 ธ.ค. 2562 นับเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ครั้งล่าสุดจากประเทศลับแลแห่งนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์กำลังตีความหมายไปต่างๆ นาๆ ว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ มีความหมายว่าอย่างไร
*เกิดอะไรขึ้นบ้างในการขึ้นเขาครั้งนี้
สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) ของเกาหลีเหนือ เผยแพร่รูปถ่ายหลายรูปเมื่อวันพุธแสดงให้เห็นนายคิม กับภริยา และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพขี่ม้าสีขาวขึ้นภูเขาแพ็กตู ซึ่งกำลังถูกปกคลุมด้วยหิมะ โดยนายคิมได้ไปเยี่ยมชม สมรภูมิการต่อสู้เพื่อการปฏิวัติ หลายจุด ก่อนจะเดินทางสู่ยอดเขา
นายคิมยังย้ำเตือนชาวเกาหลีเหนือให้ ใช้ชีวิตและทำงานด้วยจิตวิญญาณแห่งการปฏิวัติของเขาแพ็กตู โดยเฉพาะในช่วงที่พวกจักรวรรดินิยมและศัตรูกำลังเพิ่มความพยายามบ่อนทำลายอุดมการณ์, การปฏิวัติ และจุดยืนของพรรคแรงงาน โดยพรรคมีความตั้งใจที่จะปกป้อง และสานต่อการปฏิวัติอันรุ่งโรจน์ที่ฝังรากอยู่บนเขาแพ็กตูต่อไปชั่วกาลนาน
...
*ความหมายเชิงสัญลักษณ์ของการขี่ม้า และภูเขาแพ็กตู
ภูเขาแพ็กตูเป็นสถานที่พิเศษสำหรับเกาหลีเหนือ โดยเป็นภูเขาไฟที่ยังมีพลัง และเชื่อกันว่าเป็นสถานที่เกิดของ คิม จอง-อิล บิดาของคิม จอง-อึน รวมทั้งเป็นที่ตั้งกองทัพสำคัญของคิม อิล-ซุง ผู้นำคนแรกของเกาหลีเหนืออีกด้วย ขณะที่ยอดเขาแพ็กตูถูกยกเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในนิทานหรือเรื่องเล่าของชาวเกาหลี ว่ากันว่าเป็นสถานที่กำเนิดของ ‘ดันกุน’ ผู้ก่อตั้งราชอาณาจักรเกาหลีเมื่อกว่า 4,000 ปีก่อน
ไมเคิล แมดเดน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเกาหลีเหนือบอกกับ บีบีซี ว่า การขี่ม้าหรือแม้แต่ตัวม้าเองก็มีความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่สำคัญในวัฒนธรรมเกาหลีทั้งโดยรวมและวัฒนธรรมการเมืองของเกาหลีเหนือ โดยม้าถูกพูดถึงในตำนานเทพนิยายเกาหลีผ่าน ‘ชอลลิมา’ ม้ามีปีกที่วิ่งได้อย่างน้อย 400 กม.ต่อวัน และ ‘มัลลิมา’ ม้าที่วิ่งได้ไกลและเร็วมาก ซึ่งสื่อถึงการผลักดันพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศ
ขณะที่การขี่ม้าของนายคิม ยังสอดคล้องกับต้นกำเนิดของคิม อิล-ซุง ผู้เป็นปู่ ซึ่งเคยเป็นนักสู้กองโจรมาก่อน เป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านลัทธิจักรวรรดินิยม
*การขึ้นเขาแพ็กตูครั้งล่าสุด มีความหมายว่าอะไร?
นักวิเคราะห์ระบุว่า การขี่ม้าขึ้นเขาแพ็กตูครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณถึงการเตรียมความพร้อมรับการเผชิญหน้ามากขึ้น โดยศาสตราจารย์ จอห์น เดลูรี จากมหาวิทยาลัยยอนเซ ในกรุงโซล บอกกับรอยเตอร์ว่า “สารที่ต้องการสื่อเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ ปีหน้าจะเป็นปีที่มีความท้าทายอย่างมากสำหรับเรา มันจะไม่ใช่ปีของประชาธิปไตยหรือการประชุมหารือ แต่จะเป็นปีของการแสดงความแข็งแกร่งของชาติ”
ศ.เดลูรีระบุอีกว่า การประชุมผู้นำพรรคแรงงานเกาหลีเหนือที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนนี้ก็มีนัยสำคัญ เพราะนี่ไม่ใช่การประชุมสามัญ และเป็นครั้งแรกที่เกิดการประชุมผู้นำพรรคแรงงานถึง 2 ครั้งในปีเดียว โดยเกาหลีเหนือระบุว่า พวกเขาจะหารือกันเรื่องปัญหาสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ภายในและต่างประเทศ
ขณะที่นาง เรเชล มินยอง อี นักวิเคราะห์ของเว็บไซต์ NK News กล่าวว่า การจัดประชุมช่วงก่อนสิ้นปีบ่งชี้ถึงการตัดสินใจที่แน่วแน่ เมื่อรวมกับการขึ้นภูเขาแพ็กตูของคิม จอง-อึน ก็ยิ่งดูเหมือนว่า เกาหลีเหนือจะไม่ยอมอ่อนข้อให้สหรัฐฯ และจะเดินหน้าต่อไปแม้จะเผชิญกับความยากลำบากก็ตาม
...
*เส้นตายเจรจานิวเคลียร์
การเจรจาเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลีระหว่าง เกาหลีเหนือกับสหรัฐฯ หยุดชะงักมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ โดยรัฐบาลเปียงยางต้องการให้สหรัฐฯ ผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรก่อนจึงจะกลับมาร่วมโต๊ะเจรจา และขีดเส้นตายถึงสิ้นปีนี้ ให้สหรัฐฯ ละทิ้งนโยบายเป็นศัตรู มิเช่นนั้นพวกเขาจะเดินบนเส้นทางใหม่
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ยืนยันว่า เปียงยางต้องยกเลิกโครงการนิวเคลียร์อย่างมีนัยสำคัญก่อน จึงจะยอมผ่อนคลายคว่ำบาตร แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีท่าทีว่าฝ่ายใดจะยอมอ่อนข้อให้อีกฝ่ายเลย