การผ่าท้องทำคลอด เป็นหัตถการทางศัลยศาสตร์ ที่เกิดขึ้นเพื่อช่วยชีวิตมารดาและลูกที่มีความเสี่ยงในการให้กำเนิดบุตรตามวิธีธรรมชาติ ซึ่งปัจจุบันนิยมกระทำมากขึ้นเรื่อยๆ แต่รู้หรือไม่ว่า หมอคนแรกที่ทำการผ่าท้องคลอดสำเร็จโดยปลอดภัยทั้งแม่ลูกคือ ดร.เจมส์ แบร์รี ซึ่งเขาไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นหมอหญิงที่ปลอมตัวเป็นผู้ชาย และไม่มีใครจับได้จนกระทั่งเสียชีวิต
*กำเนิด ดร.เจมส์ แบร์รี
เจมส์ แบร์รี เกิดที่เมืองคอร์ค ในประเทศไอร์แลนด์ ในปี 2332 โดยมีชื่อจริงว่า มาร์กาเร็ต แอนน์ บัลค์ลีย์ บิดาของเธอเป็นพ่อค้าของชำและมีตำแหน่งในรัฐบาลเมืองคอร์ค แต่หลังจากเขาเสียเงินจำนวนมากในการจัดงานแต่งงานแบบคลุมถุงชนให้ลูกชายจนเป็นหนี้ เขาก็ทิ้งครอบครัวแล้วย้ายไปอยู่กรุงดับลิน ทำให้บัลค์ลีย์กับมารดาต้องขอความช่วยเหลือจากญาติฝ่ายแม่ และได้รับความช่วยเหลือจากผู้เป็นลุงคือ เจมส์ แบร์รี ศิลปินและศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยลอนดอน
หลังจาก 2 แม่ลูกย้ายไปอยู่ลอนดอน เจมส์ แบร์รี ตัวจริงรู้สึกประทับใจในสติปัญญาของบัลค์ลีย์ ที่ต้องการไขว่คว้าสิ่งที่ไม่เหมาะกับผู้หญิงในยุคนั้นอย่าง การศึกษา หรือการสมัครเข้ากองทัพ เขาจึงแนะนำบัลค์ลีย์ให้กับเพื่อนหลายคน รวมทั้งนักฟิสิกส์ เอ็ดวาร์ด ฟรายเยอร์ และฟรานซิสโก มิรันดา ผู้นำกองกำลังติดอาวุธและการปลดปล่อยเวเนซุเอลา ซึ่งทั้งคู่กลายเป็นครูของบัลค์ลีย์และช่วยให้เธอเข้าเรียนในโรงเรียนแพทย์
อย่างไรก็ตาม ไม่นานหลังจากแนะนำบัลค์ลีย์แก่เพื่อน เจมส์ แบร์รี ก็เสียชีวิตในปี 2349 ฟรายเยอร์กับมิรันดาจึงใช้เวลา 2 ปีหลังจากนั้นสอนความรู้ทั่วไปแก่บัลค์ลีย์ ก่อนที่มิรันดาจะเสนอให้เธอเข้าเรียนโรงเรียนแพทย์ในสกอตแลนด์โดยปลอมตัวเป็นผู้ชาย เนื่องจากในยุคนั้นมีเพียงผู้ชายที่เป็นหมอได้ ซึ่งบัลค์ลีย์ตกลงโดยใช้ใช้ชื่อของลุงในการเข้าเรียน และมีแผนจะเดินทางไปยังเวเนซุเอลากับนายพลมิรันดาหลังจากเรียนจบ
...
3 ปีหลังจากนั้น มาร์กาเร็ต บัลค์ลีย์ ก็ไม่มีตัวตนอีกต่อไป เธอเป็นที่รู้จักในฐานะ ชายร่างเล็กที่สวมโอเวอร์โค้ตตลอดเวลาไม่ว่าจะฤดูใดก็ตาม สวมรองเท้าเสริมความสูง 3 นิ้ว และมีเสียงแหลมสูง ในชื่อว่า เจมส์ แบร์รี ก่อนที่เขา/เธอจะปลอมอายุตัวเองในน้อยลงแล้วเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยเอดินบะระ ในปี 2552 โดยเธอใช้เวลาเพียง 2 ปีก็เรียนจบ แม้ระหว่างนั้นจะมีข้อครหาเกี่ยวกับอายุของแบร์รีเกิดขึ้นบ้าง แต่เธอก็ผ่านพ้นมันมาได้
*เข้าเป็นทหารและการผ่าตัดทำคลอด
แต่แผนการจัดเดินทางไปฝึกฝนการแพทย์ที่เวเนซุเอลาก็พังทลายลง เนื่องจากการปฏิวัติของนายพลมิรันดาเพื่อปลดปล่อยเวเนซุเอลาจากสเปนล้มเหลว ทำให้เขาถูกจับกุมและเสียชีวิตจากไข้รากสาดใหญ่ในปี 2355 ทำให้แบร์รีต้องปลอมตัวเป็นผู้ชายต่อไป ก่อนที่เธอจะสมัครเข้ากองทัพอังกฤษในปีต่อมา โดยมีตำแหน่งผู้ช่วยแพทย์และได้รับการเลื่อนขั้นเป็นผู้ช่วยศัลยแพทย์ ซึ่งเทียบเท่ากับยศ ร้อยโท อย่างรวดเร็ว
แบร์รีอยู่ในตำแหน่งดังกล่าวตลอดช่วงยุทธการที่วอเตอร์ลูในปี 2358 จากนั้นเธอก็ถูกส่งไปประจำการที่เมืองเคป ทาวน์ ในแอฟริกาใต้ เป็นเวลากว่า 10 ปี ซึ่งในระหว่างนั้น แบร์รีได้ผ่าตัดทำคลอดให้หญิงคนหนึ่งและช่วยชีวิตแม่และเด็กเอาไว้ได้ ทำให้นี่เป็นการผ่าคลอดที่ประสบความสำเร็จครั้งแรกที่มีการบันทึกในประวัติศาสตร์ นอกจากนี้เธอยังศึกษาพืชท้องถิ่น เพื่อค้าหาวิธีรักษาโรคซิฟิลิส และทบทวนระบบประปาเพื่อป้องกันการเสื่อมของท่อประปาด้วย
แบร์รีได้กลับจากเมืองเคป ทาวน์ ในปี 2371 เธอก็ถูกส่งไปยังมอลตา ซึ่งเธอมีส่วนช่วยในการยับยั้งการระบาดของอหิวาตกโรค ซึ่งผลงานนี้ถึงกับทำให้ดยุคแห่งเวลลิงตัน รัฐบุรุษแห่งอังกฤษ ตรัสขอบคุณเธอด้วยพระองค์เอง แต่ในปีเดียวกันนั้นเธอก่อเหตุใช้หัวโขกศัลยแพทย์ทหารอีกนายโดยไม่มีการเปิดเผยสาเหตุ ทำให้เธอถูกจับแต่ศาลตัดสินให้ไม่มีความผิด
หลังจากนั้น แบร์รีก็ไต่เต้าจนมีตำแหน่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งได้เป็นผู้ดูแลโรงพยาบาลทหารซึ่งเทียบเท่ากับยศ พลจัตวา ในปี 2400 และเธอยังต่อสู้เพื่อการพัฒนาสุขอนามัยต่างๆ ร่วมทั้งเรียกร้องให้นักโทษกับผู้ป่วยโรคเรื้อนได้รับอาหารกับการรักษาที่ดีขึ้นด้วย ก่อนที่เธอจะล้มป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจและถูกปลดประจำการในปี 2402
...
*การเสียชีวิตและการเปิดเผยความจริง
ตลอดชีวิตของแบร์รี เธอใช้ชีวิตอย่างผู้ชายทั้งในที่ลับและที่แจ้ง จนสามารถปิดบังความจริงที่ว่าเธอเป็นผู้หญิงมาได้ตลอด มีเพียงครั้งเดียวที่มีผู้ตั้งคำถามเกี่ยวเพศของเธอ โดยในช่วง 10 ปีที่เธอประจำการที่เมืองเคป ทาวน์ เธอได้เป็นเพื่อนกับผู้ว่าฯ ลอร์ด ชาร์ลส์ ซัมเมอร์เซต และอาศัยอยู่ด้วยกัน จนมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน แต่ในที่สุดคณะกรรมการก็ยกเลิกข้อกล่าวหา และทั้งคู่ก็พ้นจากข้อครหา
ความลับของแบร์รีถูกเปิดเผยจริงๆ หลังจากที่เธอเสียชีวิตในอังกฤษในวันที่ 25 ก.ค. 2408 เพราะโรคบิด โดยเธอสั่งเสียเอาไว้ว่าให้ฝังเธอไปพร้อมกับชุดที่ใส่ตอนเสียชีวิต และไม่ต้องอาบน้ำทำความสะอาดศพใดๆ แต่ โซเฟีย บิชอป หนึ่งในแม่บ้านไม่ทำตามและพบว่าแท้จริงแล้วแบร์รีเป็นผู้หญิง
หนังสือพิมพ์ในอังกฤษต่างรายงานข่าวเรื่องนี้ว่า มีผู้หญิงได้รับปริญญาสาขาการแพทย์ กลายเป็นศัลยแพทย์ชื่อดัง และรับใช้กองทัพนานถึง 46 ปี ในขณะที่ปลอมตัวเป็นผู้ชาย แต่เพื่อนร่วมอาชีพของแบร์รีไม่เชื่อเรื่องนี้ เธอได้รับการฝังศพโดยสวมชุดทหารเต็มยศ ขณะที่กองทัพอังกฤษก็ออกมาปฏิเสธเรื่องนี้เช่นกันและปกปิดบันทึกเกี่ยวกับเจมส์ แบร์รี ทั้งหมด
กระทั่งในปี 2493 หรือเกือบ 100 ปีต่อมา นักประวัติศาสตร์ อิโซเบล ราอี ก็ได้รับอนุญาตให้ตรวจสอบเอกสารดังกล่าว ซึ่งทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงคนแรกในจักรวรรดิอังกฤษที่ได้ศึกษาวิชาแพทย์ และไม่มีผู้หญิงคนได้ศึกษาวิชาแพทย์อีกเลยจนกระทั่งเกือบ 50 ปีให้หลัง