เมื่อ 30 ต.ค. 62 ประธานาธิบดีเซบาสเตียน พิเนรา แห่งชิลี ประกาศล้มเลิกการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมใหญ่ระดับโลก 2 งาน ทั้งการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ใน 16-17 พ.ย.62 และการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง (ค็อป 25) ใน 2-13 ธ.ค.62 โดยระบุว่าเพื่อเร่งแก้ปัญหาความไม่สงบในประเทศก่อน หลังประชาชนลุกฮือประท้วงรุนแรง 12 วัน มีผู้เสียชีวิตแล้ว 20 คน บาดเจ็บหลายร้อยคน ถูกจับกว่า 7,000 คน ชนวนเหตุมาจากความโกรธแค้น ที่รัฐบาลจะขึ้นค่ารถไฟใต้ดิน ก่อนลุกลามไปปัญหาอื่นๆ รวมทั้งความไม่เท่าเทียมในสังคม รายได้ต่ำ ค่าครองชีพและค่ารักษาพยาบาลสูง
การประชุมเอเปกจะมีผู้นำโลกเข้าร่วมกว่า 20 คน รวมทั้งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งจีน ซึ่งทั้งคู่อาจลงนามข้อตกลงยุติสงครามการค้าขั้นที่ 1 ด้วย ขณะที่ค็อป 25 จะมีผู้แทนจากกว่า 190 ประเทศเข้าร่วมเพื่อหาทางลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนตามข้อตกลงปารีส โดยยังไม่แน่ชัดว่าจะมีการย้ายการประชุมไปจัดที่ประเทศอื่นหรือไม่เมื่อใด แต่การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อเมริกาใต้ “โคปา ลิเบอร์– ตาโดเรส” รอบชิงชนะเลิศระหว่างทีมลิเวอร์เพลตของอาร์เจนตินา และทีมฟลามิงโกของบราซิลจะมีขึ้นตามกำหนดใน 23 พ.ย. ทั้งนี้ การยกเลิกการประชุมยังจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของชิลีซึ่งได้ชื่อว่ามีเสถียรภาพและเศรษฐกิจดีที่สุดในละตินอเมริกา
...
ส่วนการประท้วงขับไล่รัฐบาลนายกรัฐมนตรีซาอัด ฮาริรี ในเลบานอน ซึ่งปะทุขึ้นตั้งแต่ 17 ต.ค. เพราะประชาชนโกรธแค้นเรื่องคอร์รัปชัน ปัญหาเศรษฐกิจและอื่นๆยังไม่ยุติ โดยผู้ประท้วงเรียกร้องให้ปฏิรูปประเทศแบบถอนรากถอนโคน แม้ฮาริรีนำคณะรัฐบาลลาออกแล้วและประกาศปรับ ครม.ครั้งใหญ่ ขณะที่ประธานาธิบดีมิเชล อวน ยอมรับการลาออก แต่ขอให้ฮาริรีนำรัฐบาลรักษาการต่อไปจนกว่าจะมีการตั้งรัฐบาลใหม่
ขณะที่การประท้วงในอิรักทั่วประเทศที่ยืดเยื้อมา 4 สัปดาห์ เพราะประชาชนโกรธแค้นเรื่องคอร์รัปชัน ในหมู่ผู้นำและวิกฤติเศรษฐกิจ ยิ่งขยายวงกว้าง ทำให้อนาคตของนายกรัฐมนตรีอาเดล อับดุล มาห์ดี ไม่แน่นอน โดยล่าสุดเมื่อ 30 ต.ค. กองกำลังความมั่นคงกราดยิงผู้ประท้วงที่พยายามบุกเข้าเขตปลอดภัย หรือ “กรีนโซน” ในกรุงแบกแดด มีผู้เสียชีวิตอีก 2 คน บาดเจ็บกว่า 175 คน หลังการประท้วงที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 250 คน.