รัฐบาลญี่ปุ่นและสำนักพระราชวังจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะอย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ แต่เรียบง่าย มีเหล่าพระประมุขและผู้นำประเทศจากกว่า 180 ประเทศทั่วโลก ร่วมพิธีคับคั่ง ขณะที่พสกนิกรชาวญี่ปุ่นรอชื่นชมพระบารมีสมเด็จพระจักรพรรดิบริเวณด้านนอกพระราชวังอิมพีเรียล ไม่หวั่นสายฝนโปรยปรายลงมาอย่างหนัก

พระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะของญี่ปุ่นดังกล่าว สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 22 ต.ค.ว่า พระราชพิธีสำคัญของพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเริ่มตั้งแต่ช่วงสายวันเดียวกัน เป็นพิธีทางศาสนา สมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ พระชนมายุ 59 พรรษา ทรงฉลอง พระองค์ชุดโบราณสีขาว ทรงประกอบพิธีถวายสักการะ ศาลเจ้า 3 แห่งภายในพระราชวังอิมพีเรียล ในกรุงโตเกียว ต่อด้วยทรงสักการะเทพีแห่งดวงอาทิตย์ “อะมาเตระสึ” และบุรพจักรพรรดิ

ก่อนหน้านั้น พสกนิกรจำนวนมากยืนรอเข้าเฝ้ารับเสด็จอยู่บริเวณลานด้านหน้าพระราชวังอิมพีเรียล ท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก และเมื่อขบวนรถพระที่นั่งของสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ เคลื่อนมาถึง สมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ มีพระราชปฏิสันถาร ทรงโบกพระหัตถ์ แย้มพระสรวลทักทายพสกนิกร สร้างความปลาบปลื้มปีติยินดีเป็นล้นพ้นกับเหล่าพสกนิกรที่มารอเฝ้า รับเสด็จที่บางส่วนอยู่รอจนกระทั่งพระราชพิธีเสร็จสิ้น

พิธีการสำคัญลำดับถัดมาของพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เป็นพิธี “โซคุอิ โนะ เรอิ” (Sokui no Rei) หรือพระราชพิธีเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 13.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ ท้องพระโรงใหญ่ “มัตสึโนะมะ” (Matsu no ma) ภายในพระราชวังอิมพีเรียล สมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ ทรงฉลองพระองค์ชุดโบราณสีน้ำตาลหรือส้มเข้มที่ใช้สำหรับพระราชพิธีสำคัญของสมเด็จพระจักรพรรดิ เสด็จขึ้นประทับบนพระราชบัลลังก์ “ทาคามิคุระ” (Takamikura) ขนาดความสูง 6.5 เมตร ประดับผ้าม่านสีม่วง โดยมหาดเล็ก 2 นาย ยืนดูแลควบคุมอยู่คนละมุมของม่าน สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ ทรงฉลองพระองค์ชุดโบราณ เป็นชุดคลุม 12 ชั้น ประทับบนบัลลังก์ถัดไป

...

ระหว่างนี้ มหาดเล็กอัญเชิญเครื่องราชกกุธภัณฑ์ 2 ชิ้นจากทั้งหมด 3 ชิ้น ประกอบด้วย พระแสงดาบ และพระสายสร้อยสังวาล ส่วนอีก 1 ชิ้นคือ พระฉาย (กระจก) ที่เก็บไว้ในมหาสุสานอิเสะ จังหวัดมิเอะ อันเป็นเครื่องหมายของสมเด็จพระจักรพรรดิ พร้อมตราแผ่นดินและพระราชลัญจกร ตั้งประดิษฐานด้านข้างสมเด็จพระจักรพรรดิ

จากนั้น สมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ มีพระปฐมบรมราชโองการเนื่องในโอกาสเสด็จ เถลิงถวัลยราชสมบัติต่อหน้าพระราชอาคันตุกะและแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมพระราชพิธีอย่างคับคั่ง รวมทั้งเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ องค์รัชทายาทลำดับที่ 1 แห่งราชวงศ์อังกฤษ โดยมีพระราชดำรัสให้คำมั่นว่า

“จะปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและดำรงพระองค์ในฐานะสัญลักษณ์ของรัฐและความเป็นเอกภาพของประชาชน จะทรงภาวนาเพื่อความสงบสุขของประชาชน และสันติภาพของโลกพร้อมจะประทับเคียงข้างประชาชนชาวญี่ปุ่นตลอดไป”

ขณะที่นายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะตัวแทนรัฐบาลและประชาชนญี่ปุ่น กราบ บังคมทูลถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระจักรพรรดิ พร้อมกล่าวคำถวายพระพร “ทรงพรเจริญ” (Banzai) รวม 3 ครั้ง เป็นอันสิ้นสุดพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งจัดแบบเรียบง่าย ไม่มีพิธีรีตองอันใดมากมาย

และใช้เวลาประมาณ 30 นาที จากนั้น สำนักพระราชวังญี่ปุ่นจัดพิธีพระราชทานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำแก่พระราชอาคันตุกะในช่วงเย็นวันที่ 22 ต.ค.ตามด้วยพิธีพระราชทานงานเลี้ยงชาถวายสมาชิกราชวงศ์ที่เสด็จมาร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในช่วงบ่ายวันที่ 23 ต.ค. ส่วนริ้วขบวนแห่เฉลิมพระเกียรติฉลองงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกที่แรกเริ่มจะจัดขึ้นช่วงบ่ายวันที่ 22 ต.ค.ได้เลื่อนออกไปเป็นวันที่ 10 พ.ย.เนื่องจากรัฐบาลญี่ปุ่นขอทุ่มเทเวลากับการฟื้นฟูสภาพบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากซุปเปอร์ไต้ฝุ่น “ฮากิบิส” ที่พัดถล่มตอนกลางของประเทศเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ สมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะเสด็จขึ้นครองราชย์แทนพระราชบิดา สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ ที่ทรงสละราชสมบัติเมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา ถือเป็นการสละราชสมบัติของสมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่นพระองค์แรกในรอบเกือบ 200 ปี ด้วยเหตุผลด้านพระพลานามัยและทรงมีพระชนมายุมากแล้ว เป็นการสิ้นสุดยุครัชสมัย “เฮเซ” ของพระองค์ที่ดำเนินมานานกว่า 31 ปี ส่วนรัชสมัยของสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2562 เรียกว่ายุค “เรวะ” หมายถึง “ความสวยงามความสามัคคีกลมเกลียว”