ยอดเสียหายล่าสุดของพายุไต้ฝุ่น ฮากิบิส ที่บุกเข้าถล่มญี่ปุ่น เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว แม้จะยังไม่นิ่ง แต่จากตัวเลขล่าสุดที่ทางการแถลง ปรากฏว่ามีผู้เสียชีวิตไปแล้วถึง 38 คน บาดเจ็บ 186 คน และสูญหายไปกว่า 20 คน

ในขณะที่ความเสียหายด้านเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจากถนนพัง เขื่อนริมแม่น้ำพังทลาย บ้านประชาชนเสียหาย ไร่นาเสียหาย โรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็กโดนน้ำท่วม ฯลฯ ยังไม่สามารถประเมินออกมาได้

อย่างไรก็ตาม ความเสียหายส่วนใหญ่จะอยู่นอกโตเกียว โดยเฉพาะตามจังหวัดหรือเมืองต่างๆ ที่ซุปเปอร์ไต้ฝุ่นพัดผ่าน ซึ่งทางการญี่ปุ่นยังคงยืนยันว่าหนักหนาสาหัสที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์

ขณะที่ผมเขียนต้นฉบับวันนี้ นายกรัฐมนตรี ชินโสะ อาเบะ ออกมาแถลงข่าวว่า ได้สั่งการให้กองกำลังป้องกันประเทศ เกือบ 30,000 คน ตลอดจนตำรวจและเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง ระดมกำลังกันออกให้ความช่วยเหลือประชาชนในเขตที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่

โดยให้หลักการแก่ผู้ปฏิบัติงานว่า “ชีวิตคนต้องมาก่อน” ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับที่ท่านประกาศก่อนหน้าที่พายุจะมาถึง

สำนักข่าวต่างประเทศทุกสำนักยกย่องรัฐบาลญี่ปุ่นว่าทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม รวมทั้งยกย่องประชาชนญี่ปุ่น ที่มีระเบียบวินัย ให้ความร่วมมือในการเผชิญกับ “ซุปเปอร์ไต้ฝุ่น” อย่างสงบและเต็มไปด้วยสติ

สำหรับคนไทยเราโดยเฉพาะผมและพรรคพวกที่ไปอยู่ในเหตุการณ์ด้วยขอให้เกรด A+ แก่กรมอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่นที่ส่งสัญญาณเตือนภัยมาเข้าโทรศัพท์มือถือของเราทุกๆ 15 นาที 20 นาที ตลอดเวลาที่มีเหตุการณ์คืบหน้า

เสียอยู่นิดเดียวที่เขาแจ้งเป็นภาษาญี่ปุ่น ทำให้เราต้องเอาไปเข้าแอปแปลภาษาอีกต่อหนึ่ง ซึ่งก็แปลผิดบ้างถูกบ้าง แต่ก็ทำให้เราเดาได้ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น

...

นอกจากนี้สำหรับพวกเราคนไทยก็ขอให้คะแนนเกรด A แก่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว ที่กรุณา “อัปเดต” เหตุการณ์เป็นภาษาไทยผ่านเฟซบุ๊กสถานทูตตลอดเวลา

ทำให้เรารู้ว่าสถานการณ์รอบๆตัวเราเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของไต้ฝุ่น หรือแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นมาแทรกซ้อน ก่อนพายุจะถึงโตเกียว

อีกหนึ่งเพจที่คนไทยชื่นชมและขอให้เกรด A เช่นกัน ได้แก่เพจ “กิ๊ฟจังนั่งเล่า” ซึ่งว่ากันว่าเป็นนักเรียนไทยในญี่ปุ่นที่เปิดเพจแนะนำและให้ความรู้คนไทยและนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปญี่ปุ่นมานานพอสมควรแล้ว

ตลอดช่วงเหตุการณ์ “ฮากิบิส” น้อง “กิ๊ฟจัง” ก็ทำหน้าที่ทั้งรายงานข่าวและแปลข่าวจากโทรทัศน์ญี่ปุ่นให้คนไทยติดตามตลอดเวลา มีคนกดไลค์หลายหมื่นคนทีเดียว

พูดถึงผู้สมควรได้รับเกรดสูงๆไปแล้ว ก็มาพูดถึงผู้ที่สมควรจะต้องแก้ไขกันบ้าง

ผมคิดว่าน่าจะเป็น การบินไทย สายการบินแห่งชาติของเรานี่แหละ ที่ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุด เริ่มตั้งแต่โทรศัพท์ไม่เข้า ทั้งที่เมืองไทยและญี่ปุ่น หมุนเป็นชั่วโมงยังไม่เข้าเลย จนท้อใจเลิกหมุนไปตามๆกัน ที่โตเกียวพอโทร.ติด แต่ไม่มีผู้รับสาย

ก็เข้าใจละว่าในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ทั้งผู้โดยสารและญาติที่ไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองว่าจะได้กลับหรือไม่ ย่อมต้องโทรศัพท์ไปหาข้อมูลเป็นของธรรมดา ทำให้สายไม่ว่าง

แต่ช่องทางสำคัญของยุคนี้คือเว็บไซต์ต่างหากที่จะใช้ตอบคำถามที่ผู้โดยสารอยากรู้ได้ดีที่สุด แต่ก็ปรากฏว่าเว็บไซต์ของการบินไทยช้ามากไม่อัปเดต ภาษาไทยเปลี่ยนแล้ว แต่ภาษาอังกฤษยังไม่เปลี่ยน ทำให้คนอ่านสับสน

จริงๆแล้วยังมีอีกช่องทางหนึ่งที่การบินไทยควรใช้ แต่กลับไม่ใช้ คือโทรศัพท์มือถือ หรือส่งอีเมลไปถึงผู้โดยสารโดยตรง เพราะในการจองตั๋วก็แจ้งทั้งเบอร์โทรศัพท์และอีเมลไว้แล้ว ซึ่งถ้าใช้วิธีนี้ นอกจากผู้โดยสารจะได้รับข่าวสารอย่างรวดเร็ว ยังมีผลทางจิตวิทยาว่าการบินไทย ไม่ทอดทิ้งอีกด้วย

จึงไม่แปลกที่ผู้โดยสารไทยไปรอเก้อที่สนามบิน แม้ในวันที่เหตุการณ์ผ่านไปแล้ว เพราะไม่ได้รับข่าวสาร หรือรับข่าวสารที่ไม่อัปเดต มีการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินเป็นวันถัดไป

ก็คงไม่ถึงกับสอบตกหรอกครับ เอาเป็นแค่ติด “ร” ไว้ก่อน คือต้องไปปรับปรุง หรือสำรวจตัวเองว่าบกพร่องตรงไหน แล้วหาทางแก้ไขให้ดีขึ้น ถ้าคราวหน้ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วยังเป็นอย่างนี้อีก

ค่อยให้ F ซึ่งแปลว่าสอบตกก็แล้วกัน.

“ซูม”