นางแคร์รี แลม ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง แถลงข่าวเมื่อเช้าวันที่ 3 ก.ย.62 ปฏิเสธว่าไม่คิดลาออก หลังเมื่อ 2 ก.ย. สำนักข่าวรอยเตอร์เผยแพร่เทปบันทึกเสียงระหว่าง นางแลมร่วมประชุมส่วนตัวกับบรรดาผู้นำธุรกิจเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งนางแลมระบุว่าถ้ามีทางเลือก สิ่งแรกที่จะทำคือลาออก การขอโทษอย่างสุดซึ้งคือการลาออก เธอยังโทษตัวเองที่จุดชนวนวิกฤติการเมืองขึ้นในฮ่องกง ซึ่งเป็นสิ่งที่ยกโทษให้ไม่ได้

นางแลมปฏิเสธว่าเธอไม่เคยยื่นใบลาออกหรือหารือเรื่องการลาออกกับรัฐบาลจีน การไม่ลาออกเป็นทางเลือกของเธอเอง เธอมีอำนาจน้อยในการจัดการกับวิกฤติการประท้วงในฮ่องกง เพราะพื้นที่ทางการเมืองสำหรับผู้นำฮ่องกงมีจำกัดมาก ต้องรับใช้ 2 เจ้านายตามรัฐธรรมนูญ คือทั้งรัฐบาลจีนและชาวฮ่องกง นางแลมเผยด้วยว่า รัฐบาลจีนไม่มีเส้นตายในการยุติวิกฤติการเมืองในฮ่องกง และจีนจะไม่ส่งกำลังทหารเข้ายุติการประท้วง

แคร์รี แลม ผู้บริหารสูงสุดเขตปกครองพิเศษฮ่องกง
แคร์รี แลม ผู้บริหารสูงสุดเขตปกครองพิเศษฮ่องกง

...

นางแลมไม่ปฏิเสธว่าเทปบันทึกเสียงเป็นของจริง แต่ชี้ว่ายอมรับไม่ได้โดยสิ้นเชิงที่คำพูดส่วนตัวถูกบันทึกและส่งให้สื่อมวลชน เธอยังยืนยันว่าต้องการรับใช้ชาวฮ่องกงและช่วยฮ่องกงในสถานการณ์ที่ยากลำบาก รัฐบาลฮ่องกงวิตกกังวลมากที่เกิดความรุนแรงซึ่งชาวฮ่องกงส่วนใหญ่ไม่ต้องการเห็น จุดยืนร่วมของพวกเราคือยุติความรุนแรงเพื่อให้สังคมกลับสู่ความสงบ นางแลมยังปฏิเสธข่าวลือที่ว่าเธอหรือรัฐบาลฮ่องกงอาจเป็นผู้ปล่อยเทปบันทึกเสียงนี้ให้รั่วไหลเพื่อเรียกความสงสารและดึงคะแนนนิยมที่ตกต่ำจากชาวฮ่องกงอีกครั้ง
ด้านนายหยาง กวง โฆษกสำนักงานกิจการฮ่องกงและมาเก๊าของรัฐบาลจีน แถลงว่า รัฐบาลจีนสนับสนุนเต็มที่ให้นางแลมเป็นผู้นำฮ่องกงต่อไป และสนับสนุนนางแลมกับรัฐบาลฮ่องกงให้ใช้ทุกวิถีทางตามกฎหมายในการยุติการประท้วงรุนแรง ขณะที่ “ซารา” บริษัทขายเสื้อผ้ายักษ์ใหญ่ของสเปน แถลงทางโซเชียลมีเดียของจีนว่าสนับสนุนอธิปไตยของจีนเหนือฮ่องกง
ส่วนการประท้วงซึ่งมีจุดเริ่มจากการต่อต้านร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้จีนก่อนขยายตัวเป็น
การเรียกร้องประชาธิปไตยมากขึ้นยืดเยื้อเข้าสู่สัปดาห์ที่ 14 โดยเมื่อ 3 ก.ย.นักเรียนมัธยมและนักศึกษามหาวิทยาลัยหลายพันคนยังบอยคอต
ไม่เข้าชั้นเรียนเป็นวันที่ 2 หลังจาก 3 วันก่อนผู้ประท้วงบุกปิดกั้นระบบขนส่งมวลชนรวมทั้งรถไฟใต้ดินและถนนมุ่งสู่สนามบิน มีการจุดไฟ ขว้างระเบิดเพลิง และบุกโจมตีอาคารรัฐสภา จนตำรวจต้องใช้แก๊สน้ำตา กระสุนยาง และฉีดน้ำสลายฝูงชน อีกทั้งยิงกระสุนจริงเตือนผู้ประท้วง