ชาวโลกรวมพลังรณรงค์รักษาผืนป่าแอมะซอนในบราซิล หลังช็อก ไฟไหม้ป่าอย่างหนัก จนควันดำลอยไปปกคลุมนครเซาเปาโล จนมืดมิดราวกับตอนกลางคืน ทั้งที่เป็นช่วงเย็น
เมื่อ 22 ส.ค.62 สำนักข่าวต่างประเทศ และบีบีซี รายงานว่า ชาวโลกรวมพลังจนเกิดกระแสเรียกร้องให้รักษาผืนป่าแอมะซอนในประเทศบราซิล พร้อมติดแฮชแท็ก #prayforamazonas #praytheamazon บนโซเชียลมีเดีย หลังตื่นตระหนกตกใจเมื่อเห็นภาพและคลิปวิดีโอเผยแพร่ทางโลกออนไลน์ แสดงให้เห็นเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าแอมะซอน ซึ่งเป็นผืนป่าดิบชื้นกว้างใหญ่ที่สุดของโลก อย่างรุนแรง เผาผลาญต้นไม้ป่าไม้ และปลิดชีวิตสัตว์ป่าที่หนีไฟป่าไม่ทันอย่างน่าสงสาร
ขณะที่ควันดำทะมึนพัดปกคลุมท้องฟ้าบดบังแสงอาทิตย์ จนทำให้นครเซาเปาโล เมืองใหญ่ของบราซิล ที่อยู่ห่างไกลเป็นระยะทางกว่า 2,700 กิโลเมตร ต้องตกอยู่ในความมืด ราวกับเป็นช่วงเวลากลางคืน ทั้งที่เป็นตอนบ่ายของวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา
ข่าวและภาพสะเทือนใจของชะตากรรมป่าแอมะซอนมีขึ้นในช่วงที่สถาบันวิจัยด้านอวกาศแห่งชาติของบราซิล (Inpe) รายงานข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียม แสดงให้เห็นว่า เกิดไฟไหม้ป่าแอมะซอนเพิ่มขึ้นถึง 84% ในปี 2562 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน โดยได้เกิดไฟไหม้ป่าแอมะซอนในบราซิลแล้วถึง 72,843 ครั้ง ระหว่างเดือนมกราคม-สิงหาคมของปีนี้
...
Inpe ระบุว่า จำนวนการเกิดไฟไหม้ป่ากว่า 72,000 จุด ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 62 ถือเป็นจำนวนการเกิดไฟไหม้ที่มากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกข้อมูลในปี 2556 นอกจากนั้นยังตรวจพบว่าเกิดเหตุไฟไหม้ป่ากว่า 9,500 จุด ตั้งแต่วันพฤหัสฯที่ 14 ส.ค. ส่วนใหญ่อยู่ในเขตป่าแอมะซอน ขณะที่ภาพถ่ายจากดาวเทียมแสดงให้เห็นว่าท้องฟ้าเหนือรัฐโรไรมา ทางเหนือสุดของบราซิล ถูกปกคลุมด้วยควันไฟ และรัฐอามาโซนัส ซึ่งอยู่ติดกันได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจากเหตุไฟไหม้ป่าแล้ว
บีบีซี ชี้ว่า การเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว หลังจากประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารูแห่งบราซิลได้สั่งปลดหัวหน้าสถาบันวิจัยด้านอวกาศแห่งชาติของบราซิล เพราะถกเถียงกันเกี่ยวกับข้อมูลป่าแอมะซอน ขณะที่บรรดานักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้ตำหนิประธานาธิบดีโบลโซนารู ซึ่งเพิ่งรับตำแหน่งผู้นำบราซิลเมื่อเดือน ม.ค.62 ที่มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ ด้วยการพลิกสภาพผืนป่าฝนแอมะซอนให้เป็นพื้นที่ประกอบการเกษตรกรรม เลี้ยงปศุสัตว์ และเหมืองแร่ รวมทั้งต้องการขยายพื้นที่สร้างเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำ จนทำให้มีการตัดไม้ทำลายป่าแอมะซอนอย่างหนัก.