การปลูกต้นไม้คือหนึ่งในวิธีที่มีความสำคัญสำหรับการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อย่างที่เรารู้กันโดยทั่วไปว่าบทบาทของต้นไม้ก็คือช่วยในการดูดซับก๊าซคาร์บอน ดังนั้น เรื่องนี้จึงเป็นความเร่งด่วนของการดำเนินการเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่กำลังเริ่มโจมตีสภาพแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตนานาชนิดในโลก

ในประเทศสกอตแลนด์มีรายงานว่าขณะนี้ปลูกต้นไม้ไปแล้วกว่า 22 ล้านต้นเพื่อรับมือกับปัญหาสภาพอากาศ ข้อมูลสถิติของรัฐบาลสกอตแลนด์ระบุว่า พื้นที่ชนบทของสกอตแลนด์ทั้งหมด 112 ตารางกิโลเมตร ตอนนี้มีการปลูกต้นไม้เกินกว่าเป้าหมายประจำปีไปแล้ว อยู่ที่ 100 ตารางกิโลเมตร

จำนวนต้นไม้ที่ปลูกในสกอตแลนด์คิดเป็น 84% ของจำนวนต้นไม้ทั้งหมดในสหราชอาณาจักร ซึ่งการเพิ่มจำนวนต้นไม้ที่ปลูกนั้นเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของสกอตแลนด์เองที่ต้องการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมกันนี้พวกเขายังตั้งเป้าหมายไว้พื้นที่ 150 ตารางกิโลเมตรต่อปี ในช่วงปี พ.ศ.2567-2568 ด้วย

นายเฟอร์กัส อีวิง เลขาธิการคณะรัฐมนตรีฝ่ายพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นของสกอตแลนด์ กล่าวยกย่องความสำเร็จของโครงการนี้ว่าเป็นข่าวที่น่าอัศจรรย์ที่สามารถบรรลุเป้าหมาย อีกทั้งยังเป็นข้อพิสูจน์ว่ารัฐบาลสกอตแลนด์ให้ความสำคัญกับการปลูกป่าไม้เป็นเรื่องหลัก นอกเหนือไปจากการลงทุนและช่วยเหลือการเติบโตด้านอุตสาหกรรม

เมื่อเทียบกับอังกฤษ มีรายงานว่า มีการปลูกป่าไม้เพียง 14.2 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ 50 ตารางกิโลเมตร ตัวเลขจากคณะกรรมาธิการป่าไม้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาพลาดเป้าหมายประจำปีไปแล้ว 7 ล้านต้น

ด้านรัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมอังกฤษ นายไมเคิล โกฟ เผยถึงสัญญาการปลูกต้นไม้แห่งชาติ ระบุว่า วางงบสูงถึง 50 ล้านปอนด์ หรือเกือบ 2,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการปลูกต้นไม้ใหม่ตามชนบท 10 ล้านต้น และอีก 10 ล้านปอนด์ หรือเกือบ 400 ล้านบาท จะใช้ปลูกต้นไม้ในพื้นที่เมือง 130,000 ต้น

...

ทั้งนี้ รัฐบาลอังกฤษได้ออกกฎหมายเพื่อกำหนดเป้าหมายใหม่ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ในกลางศตวรรษนี้ เพื่อลดมลพิษทางอากาศลง 80% ภายในปี พ.ศ.2593 ซึ่งก็ได้รับการเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร ภายใต้พระราชบัญญัติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปี พ.ศ.2551.

ภัค เศารยะ