เหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งและซีอีโอหัวเว่ย ออกโรงเอง เตือนรัฐบาลทรัมป์ประเมินศักยภาพของหัวเว่ยต่ำเกินไป หลังรัฐบาลสหรัฐฯเปิดสงครามการค้ากับจีน และเล็งเป้าโจมตี มาที่หัวเว่ยแบบเต็มๆ
เมื่อ 21 พ.ค.62 สำนักข่าวต่างประเทศและบีบีซี รายงาน นายเหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งและประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหัวเว่ย ผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายและอุปกรณ์โทรคมนาคมรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก สัญชาติจีน ออกมาตอบโต้ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่ออกคำสั่งให้บริษัทหัวเว่ย ถูกขึ้นบัญชีแบล็กลิสต์ อยู่ในรายชื่อบริษัท ที่บริษัทอเมริกันไม่สามารถทำธุรกิจด้วย หากไม่ได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาล จนทำให้บริษัทสัญชาติอเมริกันเริ่มทยอยตัดสัมพันธ์ทางการค้ากับหัวเว่ย รวมทั้งบริษัทกูเกิลเมื่อวันจันทร์ที่20พ.ค.62 ว่า สหรัฐฯประเมินศักยภาพของหัวเว่ยต่ำเกินไป
...
‘นักการเมืองอเมริกันในขณะนี้ประเมินความแข็งแกร่งของเราต่ำเกินไป’ นายเหริน ผู้ก่อตั้งหัวเว่ยกล่าวกับสื่อทางการจีน หลังจากกูเกิล ขานรับนโยบายรัฐบาลทรัมป์ ประกาศแบน-ห้ามมือถือหัวเว่ยอัพเดตระบบปฏิบัติการแอนดรอย์ใหม่ของกูเกิลที่จะเริ่มปลายปีนี้ ซึ่งอาจทำให้มือถือหัวเว่ย ไม่อาจเข้าแอปพลิเคชันบางอย่างของกูเกิลได้ จนทำให้ผู้ใช้มือถือและแท็บเล็ตหัวเว่ยเกิดความกังวลในเรื่องนี้อย่างยิ่ง
ขณะเดียวกัน ผู้ก่อตั้งหัวเว่ย ยังได้ลดกระแสผลกระทบจากคำสั่งของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยกล่าวถึงโครงการของหัวเว่ยเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับระบบเครือข่าย 5 จีว่า จะไม่มีทางสะดุด ด้วยเรื่องนี้ เพราะพัฒนาการด้าน 5จี ของหัวเว่ยไปไกลกว่าสหรัฐฯจะคาดคิด ภายในระยะเวลา 2 ถึง 3 ปีนี้ ไม่มีทางที่ใครจะตามทัน
บีบีซีรายงานด้วยว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 20 พ.ค. กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ได้ออกใบอนุญาตชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน ให้แก่บางบริษัทของสหรัฐฯ ที่ยังคงต้องสนับสนุนระบบเครือข่ายและอุปกรณ์ต่างๆ ในขณะนี้ของหัวเว่ย อย่างไรก็ตาม นายเหริน ได้ลดความสำคัญในความเคลื่อนไหวนี้ของสหรัฐฯ โดยกล่าวว่า หัวเว่ยได้มีการเตรียมความพร้อมไว้แล้ว ก่อนรัฐบาลสหรัฐฯจะออกคำสั่ง หลังจากหัวเว่ยตกเป็นเป้าของการต่อสู้อำนาจระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ-จีนมานานหลายเดือน