สมัยนี้หากมองถึงผู้หญิงหัวความคิดก้าวหน้า เริ่มลุกขึ้นมาสร้างความเท่าเทียมด้วยการลบเครื่องสำอางทิ้ง จุดประกายเทรนด์หน้าเปลือยเปล่า จนทำให้จำนวนผู้ติดตามเพิ่มมากขึ้นไปทั่วโลก เกิดกระแสติดแฮชแท็ก #nomakeup ที่หากย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีก่อน อาลิเซีย คีย์ นักร้องหญิงผิวสีชาวอเมริกัน ถือเป็นคนแรกที่เริ่มจุดกระแส ด้วยการประกาศลั่นเลยว่า จะเลิกแต่งหน้าแล้ว
จนมาปีนี้ ภาวะแรงเฉื่อยเริ่มได้รับจากเหล่าเซเลเบรตี้คนอื่นๆ และวงการต่างๆ ตามมาอีก ทั้ง เจสส์ กลิน นักร้องสาวชาวอังกฤษกลายเป็นข่าวดังเมื่อเดือน ก.พ. คราวที่เธอลบเครื่องสำอางระหว่างขึ้นเวทีร้องเพลง “เทิร์สเดย์” หรือวันพฤหัสฯ ในงานประกาศรางวัลบริต อะวอร์ดส ซึ่งเนื้อเพลงเกี่ยวกับว่าไม่อยากแต่งหน้า
ตามด้วย สายการบินเวอร์จิ้น แอตแลนติก กับเออร์ ลินกัส สายการบินของไอร์แลนด์ ที่ปรับคู่มือแนะนำพนักงานใหม่ว่า แอร์โฮสเตสไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าอีกต่อไป โดยทางโฆษกเวอร์จิ้นบอกว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นการสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมการบิน ที่อดีตแอร์สาวโบกหน้ากันมากจนเคยมีชื่อเล่นว่า “ตุ๊กตารถเข็น”
...
และที่ยิ่งได้รับอานิสงส์ เทรนด์หน้าเปลือยก็หนีไม่พ้นอุตสาหกรรมเครื่องสำอางทั่วโลก ซึ่งเมื่อปีกลายรายได้เหนาะๆ ไม่น้อยกว่า 48,300 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราวๆ 1.53 ล้านล้านบาท ยกตัวอย่างบริษัทเครื่องสำอาง แบรนด์ บิวตี้น้องใหม่ สัญชาติอเมริกัน เช่น กลอสสิเออร์ อินซ์ ที่กำลังมาแรงสำหรับสายบิวตี้บล็อกเกอร์ รายได้เมื่อไม่นานมานี้ 1,000 ล้านดอลล์ เพราะโปรดักส์ที่มักนำเสนอมีให้เลือกโทนสีผิวที่หลากหลาย และเน้นธรรมชาติ ให้ดู “ไม่แต่งหน้า” หรือ “แต่งแบบไม่แต่ง” ด้วยคอนเซปต์ “น้อยแต่มาก” เน้นบำรุงผิวด้วยสกินแคร์
ซึ่งตามความเห็นของ ลี ไพครอฟต์ เมกอัป อาร์ติสต์ ชื่อดังชาวอังกฤษ บอกว่า ใบหน้าที่ไร้เมก-อัป เป็นสัญลักษณ์ที่แท้ทรูของความรู้สึกเป็นตัวของตัวเองและสบายผิวหน้าของตัวเราเอง ไม่ต้องมีอะไรมาปกปิดอำพราง
แต่...การแต่งหน้าก็สามารถเป็นเครื่องมือช่วยคนที่มีปัญหา ช่วยเปลี่ยนบุคลิกภายนอกของผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อปัญหาทะเลาะวิวาทในครอบครัว หรือกลุ่มสตรีด้อยโอกาส แม้ถูกคิดว่าการแต่งหน้าเป็นเพียงเปลือกนอก แต่ก็ปลุกพลังให้คุณรู้สึกสวยและมั่นใจมากขึ้น...
ฤทัยรัช จันทร์เพ็ญ