รอยเตอร์เสนอบทวิเคราะห์ ระบุนายกฯฮุน เซน ไม่ยี่หระปัญหาพิพาทพรมแดนกับไทย เพราะมั่นใจตัวเองได้เปรียบไม่กระทบเศรษฐกิจภายใน เนื่องด้วยมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับยักษ์ใหญ่เอเชีย อาทิ จีน เกาหลีใต้ และเวียดนาม มากขึ้น...
สำนักข่าวรอยเตอร์นำเสนอบทวิเคราะห์เพิ่มเติมว่าการที่สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล้าแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อปัญหาพิพาทพรมแดนกับไทย พยายามทำให้เป็นปัญหาระหว่างประเทศ เป็นเพราะมั่นใจว่าตัวเองได้เปรียบ ทั้งไม่กระทบเศรษฐกิจภายในและยังเรียกคะแนนนิยมได้อีกด้วย จากการที่มีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับชาติยักษ์ใหญ่แห่งเอเชียอย่าง จีน เกาหลีใต้ และ เวียดนาม มากขึ้น ตรงข้ามกับการค้าขายกับไทยเริ่มลดลง “ฮุน เซน รู้ว่าไม่จำเป็นต้องพึ่งไทยมาก อีกทั้งความสัมพันธ์ที่ดีและมั่นคงกับจีนและกลุ่มนักลงทุนจากเอเชียตะวันออก รวมทั้งสิงคโปร์ ทำให้เขาอยู่ในสถานะที่แตกต่างจากในอดีต”
ไมเคิล มอนเตซาโน นักวิชาการจากสถาบันอาเซียนศึกษาที่สิงคโปร์ เผยว่า นับแต่ปี 2551 บทบาททางการเมืองของฮุน เซน เริ่มคงเส้นคงวา ควบคุมสถานการณ์ได้มากขึ้น เหตุยิงปะทะที่พรมแดนแต่ละครั้ง จึงทำให้เขามีแต่ได้เครดิตทางการเมือง ตรงข้ามกับในไทย มีแต่ความวุ่นวาย ส่วนนายปีเตอร์ บริมเบิล นักเศรษฐศาสตร์ประจำธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) ระบุว่าเหตุยิงปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา กระทบการค้าชายแดนของทั้งสองฝ่าย แต่กัมพูชาจะได้รับผลกระทบมากกว่าด้านการท่องเที่ยว เพราะนักท่องเที่ยวจำนวนมากข้ามมาจากฝั่งไทย
ทั้งนี้ ข่าวระบุด้วยว่า การข้องเกี่ยวด้านเศรษฐกิจของไทยในกัมพูชาลดลงตามลำดับ เมื่อเทียบกับจีน เวียดนาม และเกาหลีใต้ นับแต่เกิดจลาจลต่อต้านไทยปี 2546 เมื่อม็อบชาวกัมพูชา บุกเผาสถานทูตและทำลายธุรกิจห้างร้านของไทยเสียหายหลายแห่ง.
...