ยอดขายรถยนต์ในประเทศจีนประจำปี 2561 ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี โดยเป็นผลจากเศรษฐกิจชะลอตัว และการทำสงครามการค้ากับสหรัฐฯ...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 9 ม.ค.ว่า ยอดขายรถยนต์ในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดค้ายานพาหนะขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี โดยตามข้อมูลจากสมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของจีน (CPCA) ยอดขายในปี 2561 ลดลงจากปีก่อน 6% เหลือ 22.7 ล้านหน่วย
ข่าวล่าสุดเกิดขึ้นในขณะที่จีนกำลังประสบภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลก โดยบริษัทรถต่างชาติอย่าง ฟอร์ด, โฟล์คสวาเกน, จากัวร์ แลนด์ โรเวอร์ และเจเนอรัล มอเตอร์ส ต่างรายงานว่ายอดขายในจีนลดลงในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ส่วนผู้ผลิตรถยนต์ของจีนที่ประสบความสำเร็จที่สุดอย่าง จีลี่ คาดว่ายอดขายในปีนี้จะทรงตัว
เมื่อเดือนก่อน สมาคมผู้ผลิตรถยนต์จีน (CAAM) กลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ออกมากล่าวโทษการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและเหตุผลระหว่างประเทศ ซึ่งสื่อถึงสงครามการค้าระหว่างแดนมังกรกับสหรัฐฯ ว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ยอดขายรถในประเทศชะลอตัว และคาดว่าตลาดรถยนต์ในปี 2562 จะไม่มีความเปลี่ยนแปลง แต่ยอดขายรถไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นสวนทางกับความต้องการรถยนต์เบนซินและดีเซลที่ลดลง จะช่วยให้ตลาดโดยรวมหลีกเลี่ยงการชะลอตัวอีกครั้งได้
อีกปัจจัยหนึ่งในทำให้ยอดขายรถยนต์ในจีนลดลงคือ นโยบายจ่ายเงินอุดหนุนสำหรับซื้อรถของรัฐบาลหมดอายุไปเมื่อปีก่อน แต่คณะกรรมการปฏิรูปและพัฒนาแห่งชาติจีน (NDRC) ระบุว่า พวกเขากำลังวางแผนจะเสนอนโยบายกระตุ้นการซื้อรถยนต์และบ้านของผู้บริโภค เช่นโครงการซื้อรถยนต์ในพื้นที่ชนบท หรือลดภาษีการขายรถยนต์ เป็นต้น