ให้เงินเดือนนิดเดียว เลยต้องยอมแพ้ ก็เจ้านายไม่แฟร์ อยู่ก็ท้อใจ เสียเวลา นะเสียเวลา...ออกอย่างนี้ต้องลาออก จะขอลาออก ประท้วงคนงกนัก อย่างนี้ต้องลาออก!! บอกตามตรงไม่มีลูกจ้างคนไหนจะกล้าร้องเพลง “ลาออก” อีกแล้วในยุคนี้ เพราะถึงจะไม่ยื่นซองขาวเอง ก็มีสิทธิถูกเลย์ออฟจิ้มออกจากงานทุกเมื่อ เพราะไม่มีอะไรแน่นอนอีกแล้วในยุคเทคโนโลยีป่วนโลก และนายทุนถอดใจ
เมื่อรู้อยู่แล้วว่า “การตกงานแบบฟ้าผ่า” เป็นความเสี่ยงของชีวิตมนุษย์เงินเดือนยุคนี้ ไม่ว่าจะอยู่ในธุรกิจขาขึ้นหรือขาลง ก็อย่าชะล่าใจ ทางที่ดีควรเตรียม “แผนสำรองชีวิต” ไว้ล่วงหน้า เผื่อวันหนึ่งวันใดบริษัทสะดุดลง หรือมนุษย์ถูกแทนที่ด้วย AI จะได้มีเบาะนุ่มๆไว้รองรับอนาคต
ในอเมริกากำลังเฟื่องฟูมากกับ “อาชีพฟรีแลนซ์” แม้จะไม่ใช่ของใหม่ แต่ก็กลับมาตื่นตัวคึกคักอย่างมีนัยสำคัญ ถึงขนาดมีการขนานนามให้ยุคนี้เป็นยุคแห่ง “Freelance Economy” และมีการพัฒนาต่อยอดให้ทันสมัยขึ้นไปอีกเป็น “Gig Economy” โดยโลกยุคหน้าจะถูกขับเคลื่อนด้วย “มือปืนรับจ้าง” ที่เหมารวมทั้งงานชั่วคราวแบบพาร์ตไทม์, งานฟรีแลนซ์, งานเอาต์ซอร์ส ที่รับมาจากคนอื่นอีกต่อหนึ่ง หรือแม้แต่การทำธุรกิจส่วนตัวที่ไม่จำเป็นต้องมีลูกน้อง เช่น การซื้อขายของออนไลน์ ขณะที่การแบ่งเวลาจากงานประจำมาหารายได้เสริม ก็ถือเป็นองค์ประกอบหนึ่งของ “Gig Economy”
คำว่า Gig หมายถึงเรือพายชนิดหนึ่ง แต่เป็นคำสแลงในภาษาอังกฤษ หมายถึงงาน และกิจกรรมระยะสั้น “ชาวกิ๊ก” จะรับงานหลายจ๊อบในเวลาเดียวกัน ไม่ผูกติดกับงานประเภทเดียวเหมือนพวกฟรีแลนซ์รุ่นเก่า “Gig Economy” เกิดขึ้นจากความเฟื่องฟูของเทคโนโลยีและเครือข่ายสังคมออนไลน์ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลกก็สามารถทำงานได้สบายๆผ่านอินเตอร์เน็ต และก็เพราะรูปแบบของ “Gig Economy” สอดคล้องกับทัศนคติคิดสั้นไม่คิดยาวรักอิสระเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ได้มองหาความมั่นคงทางหน้าที่การงานในองค์กรใหญ่ๆ ซึ่งเป็นดีเอ็นเอของชาว GenZ และ Gen Alpha ทำให้คนรุ่นใหม่อยากเป็น Gig แทบทั้งนั้น เพราะไม่ชอบยึดติดกับกฎระเบียบเดิมๆ และเชื่อมั่นว่าการทำงานอิสระจะสามารถหาเงินหาทองได้มากกว่าเป็นมนุษย์เงินเดือนแบบคน GenX ในรุ่นพ่อรุ่นแม่ ที่เอาเข้าจริงๆแล้วก็ไม่มีความมั่นคงอย่างที่คิด
...
การเติบโตของเศรษฐกิจการแบ่งปัน “Sharing Economy” ซึ่งสร้างรายได้จากการพึ่งพากัน ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลาง ทำให้เกิดรูปแบบบริการและสินค้าใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของผู้คนในวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็น Grab, Uber, Airbnb, Hubba, Line และ Joox ก็ล้วนแต่เป็นตัวกระตุ้นให้ “Gig Economy” เติบโตอย่างรวดเร็ว
เด็กรุ่นใหม่รู้ดีว่าในโลกดิจิทัลมีโอกาสและเงินทองลอยอยู่เต็มอากาศ อยู่ที่ว่าใครจะมีความสามารถไขว่คว้าได้มากกว่ากัน แม้แต่คนรุ่น GenX และ GenY ที่เติบโตมากับการเป็นลูกจ้าง ยอมก้มหน้าก้มตาทำงานรับใช้องค์กรใหญ่ๆมานาน ก็สามารถผันตัวเองไปเป็น “ชาวกิ๊ก” โดยใช้ประสบการณ์และความชำนาญพิเศษเฉพาะด้านเป็นจุดขาย รักจะเป็นกิ๊กยุคใหม่ต้องมีคอนเนกชันดี เปิดรับเทคโนโลยี กล้าคิดต่างไม่เหมือนใคร
เชื่อเถอะว่ายังมีคนอยากได้คำปรึกษาดีๆจากพวกเรามนุษย์ GenX อยู่เยอะ แถมค่าสมองและประสบการณ์ก็เรียกราคาได้สูงลิ่ว ถนัดชำนาญเรื่องไหนก็รับปรึกษาเฉพาะทางนั้น...อย่ามองข้ามโอกาส หรือดูถูกความรู้ความสามารถของตัวเองเด็ดขาด เราเสียเวลาติดแหง็กกันมาเยอะแล้ว เป้าหมายชีวิตไม่ได้มีแค่รอวันเกษียณ.
มิสแซฟไฟร์