ประธานาธิบดีมาครง แห่งฝรั่งเศส ‘ยอมกลับลำ’ ตัดสินใจระงับขึ้นภาษีน้ำมัน หลังเจอม็อบ ‘เสื้อกั๊กเหลือง’ ประท้วงต่อต้านรุนแรง จนบานปลายเป็นเหตุจลาจล

เมื่อ 4 ธ.ค.61 สำนักข่าวต่างประเทศ และบีบีซี รายงานว่า รัฐบาลประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส ตัดสินใจจะระงับการขึ้นภาษีน้ำมัน หลังเกิดเหตุประท้วง นำโดยกลุ่มม็อบ ‘เสื้อกั๊กเหลือง’ ซึ่งนัดชุมนุมกันทุกวันเสาร์ ต่อต้านการขึ้นภาษีน้ำมันดีเซลของรัฐบาล ที่เตรียมจะขึ้นในเดือนมกราคม ที่จะถึง และจะนำไปสู่ค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยการประท้วงที่ดำเนินมานาน 3 สัปดาห์ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย และได้ลุกลามไปยังเมืองใหญ่ทั่วประเทศฝรั่งเศส อีกทั้งยังเกิดเหตุจลาจลรุนแรง ม็อบเกิดการปะทะกับตำรวจปราบจลาจล เมื่อวันเสาร์ที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา 

รอยเตอร์อ้างแหล่งข่าว เผยว่า นายกรัฐมนตรีเอดัวร์ ฟีลิป แห่งฝรั่งเศส เตรียมประกาศการระงับขึ้นภาษีน้ำมัน ในวันอังคารที่ 4ธ.ค.นี้ (ตามเวลาท้องถิ่น)ซึ่งถือเป็นการกลับลำนโยบายสำคัญของประธานาธิบดีมาครงครั้งแรก นับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศส เมื่อปี 2560

ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง (คนที่3 จากซ้าย) ลงพื้นที่ดูความเสียหาย ที่บริเวณประตูชัย ในกรุงปารีส เมื่อ 2ธ.ค.หลังเกิดเหตุจลาจลรุนแรง ต้านรัฐบาลจะขึ้นภาษีน้ำมัน
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง (คนที่3 จากซ้าย) ลงพื้นที่ดูความเสียหาย ที่บริเวณประตูชัย ในกรุงปารีส เมื่อ 2ธ.ค.หลังเกิดเหตุจลาจลรุนแรง ต้านรัฐบาลจะขึ้นภาษีน้ำมัน

...

ทั้งนี้ ตามรายงานของบีบีซี ระบุว่า ราคาน้ำมันดีเซลซึ่งใช้กับรถยนต์ส่วนใหญ่ในฝรั่งเศสได้ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 ตลอด 12 เดือนที่ผ่านมา จนมีราคาเฉลี่ย 1.51 ยูโรต่อลิตร (ประมาณ 56.65 บาท) ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2543

ในขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น ก่อนร่วงลงมา แต่รัฐบาลประธานาธิบดีมาครงได้ปรับขึ้นภาษีไฮโดรคาร์บอนในปีนี้ที่อัตรา 7.6 เซนต์ต่อลิตรสำหรับดีเซล และ 3.9 เซนต์ต่อลิตรสำหรับเบนซิน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ให้ใช้เชื้อเพลิงสะอาด

การตัดสินใจขึ้นภาษีดีเซลอีก 6.5 เซนต์ต่อลิตร และเบนซิน 2.9 เซนต์ต่อลิตร ที่จะมีผลในวันที่ 1 ม.ค. 2019 กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เกิดการลุกฮือขึ้นประท้วง นำโดยกลุ่มเสื้อกั๊กเหลือง  และการประท้วงทั่วประเทศครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมามีผู้ร่วมชุมนุมเกือบ 300,000 คน