นายกฯ ประยุทธ์ ย้ำบนเวทีเอเปก ไทยพร้อมจับมือสู้ความท้าทายยุคดิจิทัล บนความมั่นคงทางไซเบอร์ ยกภาคเอกชนกลไกปัจจัยทำเอเปกบรรลุเป้าหมาย ร่วมภาครัฐปรับปรุงโครางสร้างพื้นฐาน...



พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปฏิบัติภารกิจเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปก (APEC Business Advisory Council หรือ ABAC) ครั้งที่ 26 ณ กรุงพอร์ตมอร์สบี รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี ระหว่างวันที่ 16-18 พ.ย. ดดยเมื่อเวลา 15.30 น.(ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งเร็วกว่าไทย 3 ชั่วโมง) นายกฯ ได้เข้าร่วมการหารือเต็มคณะ ระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปก จากนั้นได้เข้าร่วมหารือกลุ่มย่อย โดยมีสมาชิกที่เป็นผู้แทนจากประเทศไทย คือ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ABAC ไทย เข้าร่วมการหารือด้วย

โดยการพบหารือกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปก ในการประชุมเอเปกครั้งนี้แบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ซึ่งไทยอยู่ในกลุ่มที่ 2 โดยนายกฯ ได้ร่วมหารือกับผู้นำจากเขตเศรษฐกิจพิเศษฮ่องกง ฟิลิปปินส์ สหรัฐอเมริกา และพบกับสมาชิเอเปก ซึ่งเป็นผู้แทนธุรกิจจากอีก 7 เขตเศรษฐกิจ ได้แก่ จีน อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ปาปัวนิวกินี รัสเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม

...

ขณะที่ พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกฯ ได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแนวทางเกี่ยวกับความสำคัญของการมีโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและสารสนเทศที่ครอบคลุมทั่วถึง โดยรัฐบาลไทยได้พัฒนาและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่อรองรับนโยบายประเทศไทย 4.0 เช่น การติดตั้งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเพื่อรองรับ อีอีซี รวมทั้งการปรับปรุงกฎระเบียบและมาตรการเพื่อส่งเสริมการได้ประโยชน์จากการเข้าสู่ยุคดิจิทัล และรับมือกับความท้าทายที่ตามมา โดยเฉพาะความปลอดภัยทางไซเบอร์


นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ดำเนินการอย่างแข็งขันเพื่อปรับปรุงระบบการศึกษา การฝึกทักษะ และการวิจัย เพื่อให้ทันต่อความต้องการของตลาดแรงงานและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยภาคเอกชนถือเป็นปัจจัยหลักและปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เอเปคสามารถบรรลุเป้าหมายในการเข้าถึงผลประโยชน์จากยุคดิจิทัลอย่างครอบคลุมและยั่งยืน นายกฯ กล่าวอีกว่า เอเปกสามารถมีส่วนช่วยโดยการหยิบยกประเด็นความท้าทายจากนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ๆ ซึ่งมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้าง และสนับสนุนให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมกับภาครัฐในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน


จากนั้น นายกฯ ประยุทธ์ยังได้เข้าร่วมการหารือระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกกับผู้นำกลุ่มประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก ซึ่งไทยมีแนวคิดที่จะร่วมมือกับทุกฝ่าย เพื่อรับมือกับความท้าทายของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประชาคมโลก ตามความตกลงปารีส รวมทั้งยินดีแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติอันเป็นเลิศระหว่างกันเกี่ยวกับการทำประมงอย่างยั่งยืนและการแก้ไขปัญหาไอยูยู และร่วมสร้างหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านความร่วมมือในสาขาต่างๆ โดยไทยพร้อมที่จะนำเสนอหลักเศรษฐกิจพอเพียง (SEP) เพื่อไปประยุกต์ใช้เป็นแนวทางในการบรรลุการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs)