ท่ามกลางตำนานเล่าขานเกี่ยวกับเจ้าหญิงอนาสตาเซีย พระธิดาของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่2 ที่เชื่อว่าหายสาบสูญและอาจมีชีวิตรอดจากการสังหารหมู่ ซึ่งต่อมามีหญิงหลายรายอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหญิงอนาสตาเซีย แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่พบกับความจริงที่หลายคนอยากรู้
ส่วนชะตากรรมของราชวงศ์รัสเซีย บันทึกไว้ว่าพวกบอลเชวิกได้ปลงพระชนม์ทั้งพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 พระชายา และพระโอรสพระธิดารวม 5 พระองค์ พร้อมกับข้าราชบริพาร แพทย์ประจำราชวงศ์ในคืนวันที่ 16-17 ก.ค. ปี พ.ศ.2461 ขณะพำนักอยู่ที่อูราลซิตี้ในเมืองสเวอร์ดอฟสค์ ปัจจุบันคือเมืองเยคาเทรินเบิร์ก จนกระทั่งหลุมศพถูกค้นพบในปี พ.ศ.2522 ปัจจุบันพระอัฐิหรือกระดูกของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 พระชายาและพระธิดา 3 พระองค์ถูกฝังอยู่ที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กใน พ.ศ.2541 ส่วนพระอัฐิของมกุฎราชกุมารอเล็กเซและเจ้าหญิงมาเรียถูกพบภายหลังในปี พ.ศ.2550 แต่ยังไม่ได้รับการฝังตามราชประเพณี
เมื่อเร็วๆนี้มีรายงานจากคณะกรรมการสืบสวนแห่งชาติรัสเซีย ที่ตั้งขึ้นเพื่อรื้อฟื้นคดีการปลงพระชนม์กษัตริย์และพระราชวงศ์แห่งรัสเซียจนสิ้นสลาย ได้เผยถึงการตรวจสอบดีเอ็นเอพิสูจน์พระอัฐิที่หลงเหลืออยู่ของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 รวมถึงสมาชิกราชวงศ์ที่ถูกฆาตกรรม ซึ่งยืนยันผลที่ถูกต้องและได้รับการรับรองเป็นทางการ คาดว่าการพิสูจน์ด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ดังกล่าวอาจนำไปสู่การตัดสินใจของคริสตจักรนิกายออร์ทอดอกซ์แห่งรัสเซีย ในการฝังพระศพของกษัตริย์และพระราชวงศ์ด้วยพิธีกรรมตามราชประเพณีอย่างเต็มรูปแบบในวาระครบรอบ 100 ปีเหตุการณ์ปลงพระชนม์ที่ตรงกับปีนี้.