เมื่อ 8 ก.ค. สำนักข่าว CNN เผยแพร่บทความของนาย เจย์ ปารินี (Jay Parini) นักเขียนและนักวิจารณ์ชื่อดังชาวอเมริกัน วัย 70 ปี โดยเขาได้เขียนบรรยายความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อปฏิบัติการช่วยเหลือ นักฟุตบอลเยาวชนทีม ‘หมูป่าอะคาเดมี’ 12 คนและโค้ชอีก 1 คน ออกจากถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย และเผยเหตุผลว่าทำไม เขาจึงไม่สามารถหยุดติดตามข่าวนี้ได้เลย

เจย์ ปารินี (ขวา)
เจย์ ปารินี (ขวา)

บทความของนายปารินีระบุว่า ตอนนี้ทุกสายตากำลังจับจ้องไปที่ประเทศไทย ในขณะที่เราเฝ้าดูนักประดาน้ำผู้กล้าหาญที่เสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อนำเด็กๆ ทีมฟุตบอลและโค้ชหนุ่มที่ติดในถ้ำออกมาอย่างปลอดภัย

กำลังใจของพวกเราอยู่กับนักประดาน้ำเหล่านี้ ผู้แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่เพียงมีความกล้าหาญแต่มีความสามารถที่น่าเหลือเชื่อด้วย ใครๆ คงจินตนาการไม่ออกว่าปฏิบัติการกู้ภัยครั้งนี้ ซึ่งเกิดขึ้นลึกลงไปใต้ดินในพื้นที่ที่แคบและขรุขระจนไม่น่าเชื่อ รวมทั้งคลื่นรุนแรงที่คอยผลักไสนักดำน้ำผู้ต้องทำภารกิจซับซ้อนในสภาพทัศนวิสัยเป็นศูนย์นั้น มันยากแค่ไหน

...

การได้เห็นปฏิบัติการครั้งนี้เป็นเรื่องที่สร้างแรงบันดาลใจ ผมคิดว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะนานาประเทศมารวมทีมช่วยเหลือ ทั้งนักประดาน้ำชาวอังกฤษ, อเมริกัน, ออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น และอื่นๆ ร่วมกับนักดำน้ำชาวไทย ขณะที่อีกหลายประเทศส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาเสริม ความพยายามร่วมกันนี้คือ ‘สัญลักษณ์’ และแสดงให้เห็นโลกที่มีความเป็นไปได้ที่ทุกฝ่ายจะทำงานร่วมกันในเชิงสร้างสรรค์เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายเดียวกัน แม้จะเป็นเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งก็ตาม

ในถ้ำของไทยแห่งนั้น ไม่มีการแบ่งแยกทั้งเรื่องสีผิว, ศาสนา หรือเพศ ไม่มีใครยึดติดกับเรื่องเชื้อชาติหรือตั้งคำถามเรื่องทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่ตรงหน้า นี่เป็นหนึ่งในช่วงเวลาหายากที่เราได้เห็นว่า เราสามารถประสบความสำเร็จในการจัดการกับเรื่องน่ากลัวได้มากแค่ไหนเมื่อผู้คนมาทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว, ปราศจากความเห็นแก่ตัว เพื่อทำสิ่งสำคัญบางอย่าง

ทหารหน่วยซีลของไทย ดำน้ำเข้าถ้ำหลวง
ทหารหน่วยซีลของไทย ดำน้ำเข้าถ้ำหลวง

การให้ความสำคัญเรื่องสวัสดิภาพของเด็กๆ ก่อน ก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายกย่องมาก เราทุกคนทำผิดพลาดได้ และในบางครั้งก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อชดเชยความผิดพลาดเหล่านั้น

ผมไม่คิดว่าใครที่ไหนจะต่อว่าเรื่องจำนวนเงินที่ต้องใช้เพื่อการช่วยเหลือเด็กทั้ง 12 คนและโค้ชของพวกเขา สิ่งที่ผมรู้สึกว่าน่าสนใจก็คือ ไม่มีใครเลยที่คิดนับจำนวนเงิน ทุกคนรู้ดีว่าคุณค่าของชีวิตไม่อาจประเมินค่าเป็นเงินได้ ทุกคนยังรู้สึกซาบซึ้งในตัวของ จ่าเอก สมาน กุนัน นักประดาน้ำชาวไทยผู้เสียชีวิตเมื่อไม่กี่วันก่อนขณะพยายามออกมาจากถ้ำหลวง ความตั้งใจของเขาในการเดิมพันชีวิตเพื่อเด็กๆ และโค้ชที่ติดอยู่ในถ้ำเป็นเรื่องน่าทึ่ง เขาแสดงให้เราเห็นถึงความกล้าหาญในรูปแบบที่บริสุทธิ์ที่สุด

ผมไม่ประหลาดใจเลยที่คนจำนวนนับไม่ถ้วนทั่วโลกไม่อาจละสายตาไปจากหน้าจอของพวกเขา เฝ้ารอให้เด็กๆ ออกมา ทีละคน กระตือรือร้นที่จะได้ยินว่านักประดาน้ำก็ปลอดภัยด้วย และโค้ชก็ได้รับความช่วยเหลือออกมาอย่างแข็งแรงเช่นกัน

เรื่องนี้มีความเป็นละครชีวิตสูงมาก ปฏิบัติการช่วยเหลือใต้ดินมักดึงดูดความสนใจของเราเสมอ ผมจำได้ว่าเคยนั่งติดหนึบอยู่หน้าจอโทรทัศน์ช่วงเกิดหายนะที่เหมืองชิลีเมื่อปี 2553 ตอนที่คนงานเหมือง 33 คนได้รับความช่วยเหลือออกมาจากสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ในตอนนั้น พวกเขาติดอยู่ลึกลงไปใต้ดินที่อันตรายมากๆ นานถึง 69 วัน และทั้งโลกก็จับตาดูการช่วยเหลือพวกเขา

สมาชิกครอบครัวของเด็กๆ ทีมหมูป่า กำลังรอฟังข่าวอย่างใจจดใจจ่อ
สมาชิกครอบครัวของเด็กๆ ทีมหมูป่า กำลังรอฟังข่าวอย่างใจจดใจจ่อ

...

ข้อเท็จจริงที่ว่า ตอนนี้ทั้งโลกนั้นกำลังจับตาดูและภาวนาให้กับเด็กๆ ในไทยกลุ่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของละครชีวิตที่ว่า ทุกคนรู้ดีว่าเด็กๆ ทุกคนและโค้ชมีความสำคัญต่อครอบครัวที่กำลังเป็นห่วงของพวกเขา ผมก็มีลูกชาย 3 คน และผมคงได้แต่จินตนาการถึงความหวาดกลัวและอาการตัวสั่นของพ่อแม่และสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆ ที่กำลังรอฟังข่าว ความเจ็บปวดของการแยกจากระหว่างพ่อแม่และลูกเป็นความเจ็บปวดที่ไม่อาจทานทนได้ และเป็นสิ่งที่ทุกคนที่มีมนุษยธรรมอยู่ภายในหัวใจแม้เพียงเล็กน้อย จะเห็นคุณค่าของมัน

มาหวังกันเถิดว่า ความพยายามของนานาประเทศในการช่วยเหลือเด็กๆ ทั้ง 12 คนและโค้ชของพวกเขาในถ้ำห่างไกลของไทย จะช่วยยกระดับจิตใจพวกเราทุกคน นำพวกเรากลับมาสู่แสงสว่างที่พวกเราสามารถยืนอยู่ด้วยกันได้และสำนึกขอบคุณผู้ที่สอนให้พวกเรารู้สึกเป็นห่วงเป็นใยถึงขนาดนี้ด้วย