(ภาพจาก OzTek)
สื่อต่างประเทศเผย ดร.ริชาร์ด แฮร์ริส วิสัญญีแพทย์และนักดำน้ำผู้มีประสบการสำรวจถ้ำและกู้ภัยอย่างโชกโชน อยู่ในทีมปฏิบัติการพา 13 ชีวิตทีมหมูป่าออกจากถ้ำหลวงด้วย...
สำนักข่าว เดอะ การ์เดียน ของอังกฤษ รายงานว่า ดร.ริชาร์ด แฮร์ริส วิสัญญีแพทย์ชื่อดังชาวออสเตรเลียผู้มีประสบการณ์ดำน้ำมากกว่า 30 ปี เป็นหนึ่งในทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีส่วนร่วมในปฏิบัติการพานักฟุตบอลเยาวชนทีม ‘หมูป่าอะคาเดมี’ 12 คนและโค้ชอีก 1 คน ออกจากถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 ก.ค. ด้วย
เดอะ การ์เดียนรายงานอ้างการเปิดเผยของ ‘แอดิเลด แอดเวอร์ไทเซอร์’ ว่า ดร.แฮร์ริสเดินทางถึงประเทศไทยเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และทำงานร่วมกับกองทัพเรือไทยและผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์คนอื่นๆ ในจ.เชียงราย ซึ่งกำลังเตรียมการอพยพสมาชิกทีมหมูป่าทั้ง 13 ชีวิต
...
และในที่สุดทางการไทยก็เริ่มปฏิบัติการพาเด็กๆ ออกจากถ้ำในเวลา 10:00น. วันอาทิตย์ที่ 8 ก.ค. โดยมีรายงานว่า ดร.แฮร์ริสเป็นผู้ที่ประเมินร่างกายของเด็กๆ ว่ามีความพร้อมเพียงใดในการเดินทางออกจากถ้ำหลวง ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้เวลานับ 10 ชั่วโมงสามารถพาสมาชิกทีมหมูป่าออกมาได้ 4 คนก่อนที่ปฏิบัติการนี้จะถูกระงับเนื่องจากถังออกซิเจนในถ้ำหมด โดยนาย ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา และผู้บัญชาการศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายในครั้งนี้ ระบุว่า การช่วยเหลือจะเริ่มขึ้นอีกครั้งในอีก 10-20 ชั่วโมงข้างหน้า
ทั้งนี้ ดร.แฮร์ริส ทำงานกับ ‘เมดสตาร์’ (MedStar) ทีมเก็บกู้ทางอากาศของหน่วยรถพยาบาล ‘เอสเอ แอมบูแลนซ์’ ในเซาท์ออสเตรเลียนาน 6 ปี และเคยเข้าร่วมในปฏิบัติการเก็บกู้ศพหลายครั้งรวมถึงศพของน.ส. แอกเนส มิโลว์กา เพื่อนนักดำน้ำของเขาที่หลงทางเสียชีวิตในถ้ำ แทงก์เคฟ เมืองมิลิเซนต์ ของเซาท์ออสเตรเลีย เมื่อปี 2554
ขณะที่เว็บไซต์ ‘ออซเท็ค’ (OzTek) ซึ่งรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการดำน้ำ ระบุว่า ดร.แฮร์ริสเป็นนักถ่ายภาพใต้น้ำ เข้าใช้เทคนิกการดำน้ำแบบใช้ ‘rebreather’ ในการสำรวจและถ่ายรูปถ้ำในออสเตรเลียกับต่างประเทศ และด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี เขาเคยมีส่วนร่วมในการดำน้ำสำรวจถ้ำในประเทศจีน, เกาะคริสต์มาส, นิวซีแลนด์ รวมทั้งในออสเตรเลียด้วย
ดร.แฮร์ริสยังมีความสนใจเรื่องความปลอดภัยในการดำน้ำและการสืบสวนอุบัติเหตุต่างๆ โดยเฉพาะอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับถ้ำและเทคนิคการดำน้ำ จนออซเท็คยกย่องว่า “เขาเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาขีดความสามารถเรื่องการกู้ภัยในถ้ำและบ่อน้ำในออสเตรเลีย”