UN ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจอย่างยิ่ง ไทยลงโทษประหารชีวิตนักโทษรายแรกในรอบ 9 ปี โดยไม่แจ้งล่วงหน้า ชี้สวนทางคำมั่นของไทยในระดับประเทศ-นานาชาติ พร้อมเรียกร้องรบ.ไทยงดเว้นการใช้โทษประหารชีวิต
เมื่อ 19 มิ.ย.61 สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (OHCHR) เผยแพร่แถลงการณ์แสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อกรณีที่ทางการไทยประหารชีวิตนายธีรศักดิ์ หลงจิ อายุ 26 ปี ซึ่งสหประชาชาติได้คัดค้านวิธีลงโทษด้วยการประหารชีวิตทุกสถานการณ์มาโดยตลอด ดังที่เลขาธิการสหประชาชาติได้เน้นย้ำเรื่องนี้ในหลายวาระ
ขณะเดียวกันแถลงการณ์ของ OHCHR ยังระบุว่า เมื่อเย็นวันที่ 18 มิ.ย. กรมราชทัณฑ์ได้เผยแพร่แถลงการณ์ประหารชีวิตนักโทษชายเด็ดขาดธีรศักดิ์ หลงจิ ด้วยการฉีดสารพิษ หลังจากถูกศาลตัดสินประหารชีวิตจากการทำร้ายและแทงบุคคลอื่นจนถึงแก่ความตายในภาคใต้ของไทย จนถึงขณะนี้ เหตุผลของการดำเนินการประหารชีวิตนายธีรศักดิ์ยังไม่แน่ชัด เมื่อคำนึงว่ารัฐบาลไทยไม่ได้ดำเนินการประหารชีวิตในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา ซึ่งพัฒนาการที่คาดไม่ถึงนี้ เกิดขึ้นขณะที่ประเทศไทยได้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าอันสอดคล้องกับประเทศจำนวนมากที่ได้ยกเลิกโทษประหารชีวิตไปแล้ว
...
“การนำเอาโทษประหารชีวิตกลับมาใช้ใหม่สวนทางกับคำมั่นสัญญาของประเทศไทยทั้งในระดับประเทศและนานาประเทศ ระหว่างการทบทวนสถานการณ์ภาพรวมด้านสิทธิมนุษยชนโดยสมาชิกสหประชาชาติ ตามกลไก Universal Periodic Review เมื่อปี 2559 ประเทศไทยได้ให้คำมั่นว่าจะดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อยกเลิกโทษประหารชีวิต” ซินเทีย เวลิโก้ ผู้แทนของสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กล่าว พร้อมชี้ว่า คำมั่นดังกล่าวได้รับการกล่าวย้ำอีกในแผนปฏิบัติการด้านสิทธิมนุษยชนแห่งชาติฉบับที่สาม”
สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมมนุษยชนฯ ยังมีความกังวลด้วยว่า การประหารชีวิตได้ดำเนินการขึ้นโดยไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ในขณะที่ความโปร่งใสเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประชาชนโดยทั่วไปที่จะได้รับทราบเพื่อการอภิปรายสาธารณะและความรับผิดตามระบบประชาธิปไตย ยิ่งไปกว่านั้น ประชาคมโลกซึ่งกำลังขับเคลื่อนไปด้วยความก้าวหน้าสู่การยกเลิกโทษประหารชีวิตก็มีความสนใจที่จะติดตามการเคารพและปกป้องสิทธิการมีชีวิตอยู่ทุกหนทุกแห่งด้วย
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้สรุปว่า การเข้าถึงข้อมูลของรัฐในเรื่องการใช้โทษประหารชีวิตถือเป็นผลประโยชน์อันชอบธรรมของสาธารณชน และส่งผลต่อการตระหนักว่าเป็นสิทธิทั่วไปที่จะเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวนั้นภายใต้มาตรา 19 ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองซึ่งรับรองเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร
สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมมนุษยชนฯ ยังคงกังวลใจจากการถอยหลังของการปฏิรูปโทษประหารชีวิตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การประหารชีวิตที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.61 เป็นภาพสะท้อนอีกภาพหนึ่งของแนวโน้มข้อกังวลในเรื่องนี้
“เราเรียกร้องรัฐบาลไทยให้ดำเนินมาตรการต่างๆ โดยเร่งด่วนเพื่อคืนสู่ภาวะการงดเว้นการใช้โทษประหารชีวิตในกระบวนการนำไปสู่การยกเลิกโทษประหารชีวิตโดยสมบูรณ์” ซินเทีย เวลิโก้ กล่าว.
อ่านข่าว