นักโบราณคดีพบมัมมีอยู่ในโลงศพยุคอียิปต์โบราณอายุกว่า 2,500 ปี ถูกปล่อยเอาไว้โดยไม่มีใครแตะต้องมานับตั้งแต่มันถูกพบเมื่อกว่า 157 ปี เพราะเชื่อว่าโจรปล้นสิ่งที่อยู่ภายในไปหมดแล้ว...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า โลงศพดังกล่าวถูกพบโดยนักวิชาการของมหาวิทยาลับซิดนีย์เมื่อปีค.ศ. 1860 ขณะที่นักวิจัยรุ่นต่อๆ มาต่างเชื่อว่า โจรปล้นสุสานขโมยมัมมีภายในโลงไปแล้ว และเหลือทิ้งไว้แต่ผ้าพันแผลขาดๆ และซากปรักหักพัง ทำให้ไม่มีใครสนใจแตะต้องโลงศพใบนี้เลยนานกว่า 157 ปี

อย่างไรก็ดี ตามรายงานของนิตยสาร ‘มูส’ (Muse) ของมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ฉบับวันที่ 19 มี.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า เจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยตรวจสอบสภาพโลงศพตามปกติ แต่พอเปิดฝาโลงออกดู พวกเขาก็พบว่าโลงนี้เต็มไปด้วยกระดูก, ผ้าพันแผล, ลูกปัด และวัตถุอื่นๆ

“ส่วนลำตัวและหัวของโลงศพเต็มไปด้วยกองผ้าพันแผลและเรซินที่ถูกเทลงมาบนมัมมีเพื่อรักษาศพ กระดูกขาวางอยู่บริเวณใหล่ของโลงศพ กระดูกซี่โครงยื่นออกมาจากผ้าพันแผล ส่วนกระดูกกรามวางอยู่ใกล้กับส่วนเท้าของโลงศพ” เจมส์ เฟรเซอร์ ผู้ดูแลพิพิธภัณธ์ ‘นิโคลสัน’ ของมหาวิทยาลัยซิดนีย์ กล่าว

...

ทั้งนี้ อักษรไฮเออโรกรีฟของชาวอียิปต์โบราณที่สลักไว้บนโลกศพระบุว่า โลงนี้บรรจุมัมมีของผู้หญิงนามว่า เมอร์-นีธ-อิต-เอส ซึ่งนายเฟรเซอร์กับเพื่อนร่วมงานเชื่อว่าเธอเป็น นักบวชหญิงชั้นสูงที่มีชีวิตอยู่ในช่วง 600 ปีก่อนคริสตกาล ในช่วงที่อียิปต์ถูกปกครองโดยชนพื้นเมืองอียิปต์กลุ่มสุดท้าย

นายเฟรเซอร์ระบุด้วยว่า แม้ในโลงศพจะมีชิ้นส่วนมัมมีเพียง 10% ของร่างทั้งหมด แต่ก็เป็นศพที่ไม่เคยผ่านการศึกษามาก่อน ซึ่งอาจช่วยไขปริศนาชีวิตของชาวอียิปต์โบราณได้