เปิดเส้นทางไปค้าประเวณีใหม่ของสาวไทย ในเขตเอเชียใต้ได้แก่ อินเดียและศรีลังกา ใช้วีซ่าท่องเที่ยวและวีซ่าธุรกิจ เดินทางไปติดต่อนายหน้าทำงานนวดสปาและค้าประเวณีแอบแฝง บางรายถูกนายจ้างบังคับให้ค้าประเวณี ถูกตำรวจล่อซื้อจับกุม ดำเนินคดีและโดนคุมขังอยู่ในเรือนจำมีความเป็นอยู่อย่างลำบาก กงสุลเตือนหญิงไทยอย่าหลงเชื่อการหลอกลวงและกฎหมายอินเดียโทษหนัก

ปัญหาหญิงไทยไปค้าประเวณีในต่างประเทศทั้งที่เต็มใจและถูกหลอกลวง ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหา ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 21 มี.ค.ว่า การสัมมนาสรุปปัญหาคนไทยเขตประเทศเอเชียใต้ ในการประชุมกงสุลสัญจรในต่างประเทศของกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย จัดขึ้นที่โรงแรมเดอะ อิมพีเรียล กรุงนิวเดลี เมื่อช่วงเช้าวันที่ 21 มี.ค. มีนายชุตินทร คงศักดิ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี เป็นประธานในการประชุม มีนายอภิรักษ์ สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง อัครราชทูต และ น.ส.ภัทรัตน์ หงษ์ทอง รองอธิบดีกรมการกงสุล พร้อม ด้วยผู้บริหารจากกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กองสัญชาติและนิติกรณ์ กองตรวจลงตราคนต่างด้าว รวมทั้งรองกงสุลใหญ่และกงสุลในเขตประเทศเอเชียใต้ 5 ประเทศได้แก่ อินเดีย เนปาล บังกลาเทศ ปากีสถาน และศรีลังกา เข้าร่วมประชุมและรายงานปัญหาเกี่ยวกับคนไทยในด้านต่างๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าปัญหาที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ในประเทศแถบเอเชียใต้ ได้แก่ ปัญหาชาวอินเดียใช้หลักฐานปลอม มายื่นขอวีซ่าเข้าประเทศไทยจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการตรวจตราอย่างรอบคอบ เป็นภาระหนักของเจ้าหน้าที่กงสุล นอกจากนี้ ยังมีปัญหาชายชาวอินเดีย จ้างผู้หญิงไทยแต่งงาน เพื่อใช้สิทธิมาพำนักและทำงานในประเทศไทย ส่วนที่ปัญหาใหญ่ในขณะนี้อีกปัญหาคือ ปัญหาหญิงไทยได้เปิดเส้นทางใหม่ไปค้าประเวณีในประเทศเขตเอเชียใต้มากขึ้น ได้แก่ อินเดีย และศรีลังกา ไปทำงานเป็นพนักงานนวดสปาด้วยการใช้วีซ่าท่องเที่ยวและธุรกิจ เข้าไปทำงานโดยไม่ได้ขอวีซ่าทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย บางคนฉวยโอกาสค้าประเวณีแอบแฝง รวมทั้งบางรายถูกนายจ้างบังคับให้ค้าประเวณี ขณะนี้มีหญิงไทยหลายรายที่ถูกจับกุมและอยู่ระหว่างรอการพิจารณาคดีชั้นศาลที่อินเดีย ยังไม่สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้

...

น.ส.ศรัญญา ปาลีวงศ์ อัครราชทูตที่ปรึกษา สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี เปิดเผยว่า คนไทยที่เข้ามาอยู่ในอินเดีย มีทั้งที่ประกอบอาชีพถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย ส่วนที่ไม่ถูกกฎหมายและมีปัญหามากคือ หญิงไทยเข้ามาอินเดียในลักษณะวีซ่าท่องเที่ยว แต่จุดประสงค์ที่มาคือการค้าประเวณีและมีปัญหาเมื่อถูกจับกุมจำนวนมาก เข้ามาทำงาน นวดสปาอย่างผิดกฎหมายและค้าประเวณีแอบแฝง แต่มีหลายกรณีที่ตำรวจใช้วิธีการล่อซื้อและจับกุม เมื่อมีการดำเนินคดีส่งเข้าไปถึงชั้นศาล การให้ความช่วยเหลือคนไทยในส่วนนี้ ทางสถานทูตไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงขบวนการชั้นศาลได้ ลักษณะของการเข้าเมืองของคนไทยในกลุ่มนี้ มักใช้วีซ่าท่องเที่ยวในการเดินทางมา เมื่อเดินทางมาถึงที่อินเดียแล้ว จะมีการติดต่อกับนายหน้าเพื่อที่จะได้อยู่ในอินเดียและลักลอบทำงาน เมื่อมาอยู่แล้วอาจจะเลยเวลาทำให้วีซ่าขาด จึงอยู่ในอินเดียอย่างผิดกฎหมาย

ด้าน น.ส.ดวงกมล เกียรติบำรุง ทำหน้าที่กงสุลประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี เปิดเผยว่า จากการติดตามเกี่ยวกับหญิงไทย ที่ถูกจับกุมข้อหาค้าประเวณี ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2558 ถึงปัจจุบันสถานทูต ณ กรุงนิวเดลี ได้รับรายงานจากตำรวจว่ามีหญิงไทย จำนวน 23 ราย ถูกตำรวจจับและต้องขึ้นศาลกรณีทำความผิดฐานการค้ามนุษย์ ตาม พ.ร.บ.การค้ามนุษย์ของอินเดีย ในจำนวน 23 ราย มีเพียง 1 รายเท่านั้น ที่ศาลอนุญาตให้ประกันตัวชั่วคราว และอนุญาตให้เดินทางกลับประเทศไทย สำหรับ 22 รายที่เหลือ ยังอยู่ในกระบวนการศาล กรณีการค้าประเวณี กระบวนการศาลของอินเดียใช้เวลา 3-7 ปี กฎหมายค่อนข้างรุนแรง สภาพความเป็นอยู่ในเรือนจำไม่ค่อยสะดวกสบายนัก ต่างจากที่เมืองไทยมาก สำหรับที่นิวเดลีทั้งหน่วยงานศาลและหน่วยงานผู้ควบคุมกฎหมายหรือตำรวจค่อนข้างเข้มงวดมาก ไม่เหมือนเมืองอื่นๆ ทางใต้ของอินเดีย เมื่อมีการจับกุมตัวแล้วจะถูกส่งกลับประเทศเลย ขอเตือนหญิงไทยที่คิดจะมาค้า ประเวณีที่อินเดีย อย่าได้หลงเชื่อนายหน้าที่หลอกลวง เพราะกฎหมายอินเดียมีโทษหนัก