ต้องขาย ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ชูกำปั้นขณะไปหาเสียงให้พรรคเดโมแครตสู้ศึกเลือกตั้งกลางเทอม ที่เมืองซีแอตเติล หลังรัฐบาลแจ้งสภาคองเกรสเรื่องขายอาวุธให้ซาอุฯ (รอยเตอร์)

มีข่าวจากวงในมาระยะหนึ่งว่า "พี่เบิ้ม" สหรัฐอเมริกา จะขายอาวุธยุทโธปกรณ์ลอตมหึมาให้ "ซาอุดีอาระเบีย" เรื่องนี้ต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดาแน่นอน!

ล่าสุดรัฐบาลสหรัฐฯยืนยันแล้วว่าจะขายอาวุธฯให้ซาอุฯจริง มูลค่าถึง 60,000 ล้านดอลลาร์ (1,800,000 ล้านบาท) เป็นข้อตกลงขายอาวุธครั้งใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯเท่าที่เคยมีมา


ในจำนวนนี้รวมทั้งเครื่องบินรบล้ำยุค "เอฟ'15" ถึง 84 ลำ เฮลิคอปเตอร์จู่โจม "อาปาเช่" 70 ลำ เฮลิคอปเตอร์ยุทธวิธี "แบล็ก-ฮอว์ก" 72 ลำ เฮลิคอปเตอร์อื่นๆ อีก 36 ลำ

ภายใต้ข้อตกลงเดียวกัน สหรัฐฯยังจะ "อัพเกรด" เครื่องบินรบ "เอฟ'15" ที่ขายให้ซาอุฯก่อนหน้านี้ 70 ลำด้วย ส่วนการส่งมอบอาวุธฯ ใหม่จะใช้เวลา 15-20 ปี

ตามรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ รัฐบาลต้องแจ้งเรื่องการซื้อขายอาวุธต่อสภาคองเกรส และสภาคองเกรสมีเวลา 30 วันที่จะปรับแก้ หรือประวิงเวลา แต่เชื่อว่าสุดท้ายจะผ่านฉลุย

ผู้ที่ปลื้มที่สุดเห็นจะเป็นบริษัทผลิตอาวุธและอากาศยานของสหรัฐฯ โดยเฉพาะ "โบอิ้ง" ซึ่งคาดว่าจะมีส่วนแบ่ง

เค้กชิ้นนี้มากที่สุดถึง 24,000 ล้านดอลลาร์ ประเมินว่างานนี้โบอิ้งต้องระดมพนักงานกับผู้รับสัมปทานย่อยกว่า 77,000 คน มาเร่งผลิตสินค้ามรณะลอตนี้

มูลเหตุที่สหรัฐฯตัดสินใจขายอาวุธมหาศาลให้ "เศรษฐีน้ำมัน" ซาอุฯ พันธมิตรหลักในตะวันออกกลาง มาจากหลายปัจจัยด้วยกัน

ปัจจัยหลักคือเพื่อสู้กับแสนยานุภาพทางทหารของ "อิหร่าน" ศัตรูตัวเอ้ในอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งถูกกล่าวหาว่าลอบพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และอาวุธยุทโธปกรณ์อื่นๆ อย่างขะมักเขม้น รวมทั้งเครื่องบินทิ้งระเบิดไร้คนขับ "ทูตมรณะ" และขีปนาวุธเชื้อเพลิงแข็งรุ่น "ซาจจิล" ซึ่งมีพิสัย ไกลกว่า 2,000 กม. สามารถยิงถล่มอิสราเอลและฐานทัพหลักๆ ทั้งหมดของสหรัฐฯ ในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียได้อย่างสบาย

กองทัพเรืออิหร่านยังซ้อมรบใหญ่แล้วหลายครั้ง และประกาศนำเรือดำน้ำสมรรถนะสูงที่อิหร่านผลิตเองเข้าประจำการอีก 3 ลำ เหมือนกับท้าทายมหาอำนาจตะวันตกอยู่กลายๆ

ถ้าเป็นสมัยก่อน "อิสราเอล" มหามิตรอันดับ 1 ของสหรัฐฯ จะต้องคัดค้านการขายอาวุธให้ชาติอาหรับใดๆ ในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นศัตรูของตน แต่ครั้งนี้ "ยิว" ไม่โวยซักแอะ เพราะเห็นว่าตนจะได้มากกว่าเสีย เนื่องจากหวังใช้ซาอุฯ เป็น "กันชน" ระหว่างตนเองกับอิหร่าน ซึ่งยิวกลัวมากกว่า เพราะจุดยืนของอิหร่านชัดเจนว่าต้องลบอิสราเอลออกจากแผนที่โลกเท่านั้น!



เพื่อเป็นการ "ปลอบใจ" ที่ขายอาวุธลอตใหญ่ให้ซาอุฯ สหรัฐฯจึงขายอาวุธให้อิสราเอลบ้าง โดยเมื่อต้นเดือนนี้ เพิ่งลงนามซื้อขายเครื่องบินรบล่องหน "เอฟ'35 สเตลธ์" ซึ่งสามารถบินไปถล่มอิหร่านโดยที่เรดาร์ตรวจจับไม่พบ อิสราเอลยังมี "ออปชั่น" ซื้อเพิ่มได้อีก 75 ลำ

นอกจากเพื่อรับมืออิหร่าน สหรัฐฯ และอิสราเอลยังต้องการสร้างซาอุฯให้เป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์หลักในภูมิภาคขณะที่ยังไม่วางใจในเสถียรภาพของ "อิรัก" และ "อัฟกานิสถาน" ซึ่งสหรัฐฯ เข้าไปทำสงครามและต้องถอนตัวออกมา นอกจากนี้ ยังหวังให้ซาอุฯนำอาวุธไปใช้ปราบปรามกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงที่โยงใยกับเครือข่ายก่อการร้าย  "อัลเคดา" ทั้งในซาอุฯ และ "เยเมน" เพื่อนบ้าน

ส่วนซาอุฯเอง ก็ต้องการเพิ่มเขี้ยวเล็บเพื่อกวาดล้างกบฏนิกายชีอะห์ "ฮูธิ" ตามแนวพรมแดนติดกับเยเมน ซึ่งเคยทำสงครามกับกองทัพซาอุฯอย่างดุเดือดถึง 3 เดือน ช่วงปลายปี 2552 ถึงต้นปีนี้ โดยถึงแม้ซาอุฯจะมีอาวุธยุทโธปกรณ์ เหนือกว่ามาก แต่เมื่อเจอกับการรบแบบ "กองโจร" ตามแนวภูเขาอันสลับซับซ้อน ก็ยากจะสยบได้ง่ายๆ ทหารซาอุฯต้องพลีชีพไปถึง 109 ศพ

สาเหตุสำคัญอีกอย่างที่สหรัฐฯขายอาวุธลอตใหญ่ให้ซาอุฯ และมีแผนจะขายให้ชาติอื่นๆ ในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียด้วย รวมทั้งยูเออี คูเวต บาห์เรน กาตาร์ และโอมาน ก็คือพักหลังๆ สหรัฐฯ เผชิญวิกฤติเศรษฐกิจ ฐานะการเงินย่ำแย่ ทำให้ต้องตัดงบประมาณด้านการทหารลงอย่างฮวบฮาบ

เมื่อเป็นเช่นนี้ บริษัทผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ ของสหรัฐฯ ซึ่งมีเส้นสายและอิทธิพลแข็งโป๊กในคณะรัฐบาลและสภาคองเกรสก็ต้องอดอยากปากแห้งเพราะขายสินค้าไม่ได้ จึงต้องเร่หาตลาดระบายอาวุธใหม่ และเห็นว่าภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียนี่แหละดีที่สุดเพราะแต่ละชาติล้วนเป็นเศรษฐีน้ำมันซื้ออาวุธได้ไม่อั้น

เมื่อต้นเดือนนี้ ทูตหรือตัวแทนของบริษัทผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์และอากาศยานของสหรัฐฯ กว่า 50 บริษัทไปประชุมสุมหัวกันในโรงแรมหรูแห่งหนึ่งในนครรัฐอาบูดาบี ในยูเออี เพื่อหาลู่ทางทำธุรกิจ แถมยังมี รมว.การค้าต่างประเทศของยูเออีเข้าร่วมประชุมด้วย

การที่สหรัฐฯขายอาวุธให้ซาอุฯ และต่อไป อาจมีประเทศอื่นๆ ในอ่าวเปอร์เซียทยอยเข้ามาเป็นลูกค้าด้วย จึงเข้าทฤษฎี "win-win" สมประโยชน์ด้วยกันทุกฝ่าย

เป็น "อกุศโลบาย" อันน่ากลัว ซึ่งอาจทำให้ภูมิภาคนี้อันตรายที่สุดในโลก!!!

...

บวร โทศรีแก้ว