ใครว่าเด็กยุคใหม่มีแต่ตัวกูของกู ไม่แยแสโลก เห็นแก่ตัว และสนใจแต่ตัวเอง ผลสำรวจล่าสุดของเวิลด์อีโคโนมิกฟอรัม ภายใต้หัวข้อ “Global Shapers Survey 2017” บ่งชี้ว่า ชาวมิลเลเนียลส์ ที่มีอายุตั้งแต่ 18-35 ปี ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคปัจจุบัน มีความใส่ใจปัญหาของโลกมากกว่าผู้ใหญ่จำนวนมากด้วยซ้ำ

วิกฤติใหญ่อันดับหนึ่งของโลก ที่วัยรุ่นกลัวและกำลังตื่นตัวอยากแก้ไขคือ “ปัญหาโลกร้อน” ซึ่งเต่าล้านปีอย่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่เคยแคร์ แถมยังต่อต้านเอาดื้อๆ!! โดย 78.1% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ยืนกรานว่าพร้อมจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ทุกอย่าง เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม และทำให้โลกอนาคตของพวกเขาน่าอยู่ยิ่งขึ้น

ปัญหาใหญ่อันดับสองที่เป็นฝันร้ายของชาวมิลเลเนียลส์ ต้องยกให้ “การเกิดสงคราม” เด็กยุคใหม่เกิดมาในยุคเศรษฐกิจโลกถดถอยก็จริง แต่ก็ยังมีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบาย ไม่เคยเจอความลำเข็ญเหมือนคนรุ่นปู่ย่าตายาย

ถ้าไม่นับทายาทเศรษฐีรุ่นใหม่ ที่ใช้เงินเป็นเบี้ย ทำสมองกลวงปล่อยให้ชีวิตไร้แก่นสารไปวันๆ วิกฤติใหญ่ของโลกที่ชาวมิลเลเนียลส์หวั่นเกรงเป็นอันดับสามคือ “ความไม่เท่าเทียมกันในสังคม และการแบ่งแยกชนชั้น” คนจนก็ยังจนติดดิน ขณะที่คนรวยก็รวยล้นฟ้าจนไม่รู้จะเอาเงินไปซุกไว้ที่ไหน บอกเลยว่า ยิ่งโลกไฮเทคขึ้นเท่าไหร่ ความไม่เท่าเทียมกันจะยิ่งถ่างกว้างขึ้นเรื่อยๆ

“ความยากจน” ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่โลกต้องเผชิญไปอีกนานแสนนาน แม้เด็กยุคใหม่จะพยายามแข่งกันรวย และตะกายหาความสำเร็จแบบชั่วข้ามคืน ไม่อดทนรอเหมือนคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ แต่พวกเขาก็รู้ซึ้งว่า ตราบใดที่แก้ไขปัญหาความยากจนไม่ได้ โลกใบนี้ก็ไม่มีทางอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข

...

“ความขัดแย้งทางศาสนา” และ “ปัญหาคอร์รัปชัน” เป็นวิกฤติใหญ่ที่ชาวมิลเลเนียลส์ให้น้ำหนักเช่นกัน ไม่ว่าโลกจะถูกดิสรัปชันด้วยเทคโนโลยีอย่างไรก็ตาม แต่สุดท้ายสองปัญหาใหญ่ที่ว่าก็หยั่งรากลึกอยู่ทั่วทุกมุมโลก และนับวันจะยิ่งสาหัสสากรรจ์ยากแก่การแก้ไข

18.2% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ยังเชื่อว่า “การขาดแคลน น้ำและอาหาร” จะเป็นวิกฤติใหญ่ทำลายโลกในอนาคต ขณะที่ 15.9% เป็นห่วงเป็นใย “ปัญหาขาดแคลนการศึกษา” ซึ่งเกิดขึ้นในหลายๆพื้นที่ยากจนห่างไกลความเจริญ

จากผลสำรวจเดียวกัน 14.1% ของชาวมิลเลเนียลส์ยังกังวลใจเรื่อง “ความปลอดภัยในชีวิต” และ “ปัญหาการว่างงาน” ในอนาคตอันใกล้มนุษย์จะตกงานเป็นเบือ เพราะถูกหุ่นยนต์ และ AI แย่งงานทำ มันเกิดขึ้นแน่ๆไม่ช้าก็เร็ว.

มิสแซฟไฟร์