เห็นชื่อเรื่องวันนี้อย่าเพิ่งตกใจนะครับ ไม่ใช่ผมแน่นอนครับ เป็นคำประกาศของ นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ในที่ประชุม เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในงาน เวิลด์อีโคโนมิก ฟอรัม 2018 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว “ประเทศฝรั่งเศสจะปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินที่มีอยู่ทั้งหมดภายในปี 2021” อีก 3 ปีข้างหน้า

ในขณะที่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ยังตะบี้ตะบันจะสร้าง โรงไฟฟ้าถ่านหิน ที่เมืองท่องเที่ยวอย่าง กระบี่ มุ่งมั่นจะซื้อ โรงไฟฟ้าถ่านหินจากจีน ในขณะที่ รัฐบาลจีนกำลังเร่งปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศจีน โดยเฉพาะ รอบกรุงปักกิ่ง

การประกาศปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งหมดในฝรั่งเศส 3 ปีข้างหน้า ประธานาธิบดีมาครง ให้เหตุผลว่า เพื่อทำให้ฝรั่งเศสเป็นโมเดลหรือแบบอย่างในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลก และ โครงการปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งหมดในฝรั่งเศส ถือเป็น 1 ใน 5 เสาหลักของแผนการปฏิรูปเศรษฐกิจฝรั่งเศส ซึ่งจะสร้างความได้เปรียบให้กับฝรั่งเศสในแง่ของการดึงดูดและการแข่งขัน “ผู้มีความสามารถพิเศษจะเข้ามาอยู่ในฝรั่งเศส เพื่อมีคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยยุทธศาสตร์นี้ เราจะสร้างงานใหม่ๆเพิ่มขึ้นได้อีกมหาศาล” ผู้นำฝรั่งเศสกล่าวในเวทีดาวอส

นอกจากนี้ยังมีรายงานจากเวทีดาวอสระบุว่า ทั่วสหภาพยุโรปในเวลานี้ กระแสเศรษฐกิจได้พลิกกลับมาต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินแล้ว กว่าครึ่งของโรงไฟฟ้าถ่านหิน 619 แห่ง ที่มีอยู่ในสภาพยุโรปเวลานี้กำลังเผชิญกับภาวะขาดทุนอย่างหนัก เนื่องจาก ต้นทุนของพลังงานทดแทนลดลงอย่างรวดเร็ว บวกกับ กฎหมายต่อต้านมลพิษทางอากาศที่เข้มข้นขึ้น กำลังผลักดันให้ ธุรกิจโรงไฟฟ้าถ่านหินไม่มีอนาคตอีกต่อไป

ประธานาธิบดีมาครง ยังเรียกร้องให้ ผู้นำชาติยุโรป ซึ่งได้ร่วมกันเปิด “ตลาดซื้อขายคาร์บอน” ขึ้นเป็นแห่งแรกในโลก ขอให้มีการตั้งราคาขั้นตํ่าหรือ floor price สำหรับการซื้อขาย CO2 หรือ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ทำให้โลกร้อนขึ้น โดยการใช้แรงจูงใจด้านการเงินแก่ประเทศหรือบริษัทที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตํ่าที่สุด

...

ผู้นำฝรั่งเศส ยังได้พูดถึง โครงการเส้นทางสายไหมใหม่ของจีน หลังจากที่ได้พบกับ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนแล้วว่า “เส้นทางสายไหมใหม่จะต้องเป็นเส้นทางสายไหมที่เป็นสีเขียว เราไม่สามารถที่จะยอมรับเส้นทางที่มีพื้นฐานมาจากถ่านหินได้” แม้ว่าเส้นทางข้างหน้าจะยังขรุขระก็ตาม ผู้นำจีน ก็สัญญาว่าจะรักษาสัญญาใน สนธิสัญญากรุงปารีส ที่จะช่วยกัน ปกป้องโลกในอนาคตไม่ให้ร้อนขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส

กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีนที่มีประชากรหลายสิบล้านคน ก็เผชิญกับมลพิษทางอากาศมายาวนานจาก โรงไฟฟ้าถ่านหิน จน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ต้องสั่งให้ ปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินรอบกรุงปักกิ่งทั้งหมดภายในปี 2017 และเมื่อปลายปี 2017 ที่ผ่านมา โรงไฟฟ้าถ่านหินโรงที่ 4 โรงสุดท้ายในชานกรุงปักกิ่ง ก็ถูกปิดไปเรียบร้อยแล้ว โดย นายไคชี่ นายกเทศมนตรีกรุงปักกิ่ง กล่าวว่า โรงไฟฟ้าถ่านหินที่ปิดไปจะทดแทนด้วย โรงไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ และ นายไคชี่ ยังเรียกร้อง ให้บริษัทโรงไฟฟ้าในจีนปรับเปลี่ยน หรือ transformation ตัวเอง ในธุรกิจไฟฟ้าด้วย

กลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา Institute for Energy Economics and Financial Analysis (IEEFA) ก็มีการเปิดเผยรายงานล่าสุดระบุว่า ปี 2017 ประเทศจีนได้ลงทุนในโครงการพลังงานสะอาดมูลค่ากว่า 44,000 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 1.4 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2016 ที่ลงทุนเพียง 32,000 ล้านดอลลาร์

ผมก็เก็บเอา “ข้อมูลจริง” ที่ “ไม่บิดเบือน” มาเล่าสู่กันฟัง เพื่อให้เห็นโลกในมุมที่กว้างขึ้น วันนี้การลงทุนสร้าง โรงไฟฟ้าถ่านหิน ของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ กำลัง สวนกระแสโลก ซึ่งจะส่งผลเสียต่อประเทศไทยและส่งผลร้ายต่อลูกหลานไทยในอนาคต.

“ลม เปลี่ยนทิศ”