เครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ช่วยอำนวยความสะดวกที่มีอยู่แทบจะทุกครัวเรือน แต่เมื่อเร็วๆนี้นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ เมืองแมนเชสเตอร์ ในอังกฤษ เผยว่า เตาอบไฟฟ้าหรือไมโครเวฟที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีและดูเหมือนไม่อันตรายนั้นกลับส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กลายเป็นก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นตัวการของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
นักวิจัยได้วัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในยุโรป นับตั้งแต่การผลิตเตาไมโครเวฟไปจนถูกซื้อไปใช้งานและถูกทิ้งไปเมื่อหมดอายุ พบว่าเฉลี่ยอายุการใช้งานเพียง 8 ปี เฉพาะในอังกฤษมีการใช้เตาไมโครเวฟถึง 23 ล้านเครื่อง พบการปล่อยก๊าซคาร์บอน 1,200 ล้านกิโลกรัมต่อปี เทียบเท่ากับปริมาณการปล่อยก๊าซจากรถยนต์ 1,300 ล้านคัน และเมื่อสำรวจทั่วยุโรปพบการปล่อยของก๊าซดังกล่าวถึง 7,700 ล้านกิโลกรัมต่อปี เทียบเท่ากับรถยนต์ 6,800,000 คัน ทั้งนี้ การใช้พลังงาน 9,400,000 ล้านวัตต์ต่อชั่วโมงเทียบเท่ากับโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซขนาดใหญ่ 3 แห่ง และการใช้ไฟฟ้าในปริมาณมากก็ต้องเพิ่มการใช้เชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศเพิ่มขึ้น
นักวิจัยแนะนำว่าผู้บริโภคควรใช้ไมโครเวฟอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการปฏิบัติตามคำแนะนำในการปรุงอาหาร เช่น ตั้งเวลาให้เหมาะสมกับประเภทของอาหาร ไม่ใช่แค่คาดเดาหรือใช้การตั้งค่าตัวเลขสูงสุดเสมอ และควรลดความถี่ในการใช้งาน เนื่องจากขั้นตอนการผลิตไมโครเวฟถือเป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการทำลายทรัพยากรธรรมชาติถึง 20% อย่างไรก็ตาม ในแต่ละปีเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนี้จะขายดิบขายดีมากกว่าเตาอบชนิดอื่นๆ โดยคาดว่าแค่ในยุโรปจะมียอดขายสูง 135 ล้านเครื่องภายในปลายทศวรรษนี้.