ยังไม่ตูม เหลือจุดเกรงใจ

เห็นเงียบๆไปสักพักนึกว่าจะสงบราบรื่นไม่ทำอะไรให้ตกอกตกใจกันอีก เพราะแม้กระทั่งผู้นำสหรัฐฯ “โดนัลด์ ทรัมป์” บินโฉบเฉี่ยวมาร่วมประชุมแถบเอเชีย

ก็ไม่มีเสียงกระโตกกระตากให้เคืองขุ่นใจกัน

แต่อย่างว่าคนเรานะ...คิดอยากจะให้มีเรื่องให้ใครต่อใครคิดมีความสำคัญ “คิมจองอึน” ก็ควักเอาของเล่นออกมาใช้อีก

ทดสอบยิงขีปนาวุธอีกลูกไกลไป 950 กม. แล้วไปตกในทะเลเขตเศรษฐกิจพิเศษของญี่ปุ่น ยิงไม่ยิงเปล่าคุยโอ้อวดอีก

การยิงขีปนาวุธครั้งใหม่นี้ถือเป็นวิสัยไกลข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) ระบุว่า สามารถยิงไกลได้ถึงทุกที่บนแผ่นดินสหรัฐฯ

หลังการทดสอบสามารถยิงขึ้นสูงถึง 4,475 กม. ซึ่งมากกว่าความสูงของสถานีอวกาศนานาชาติถึง 10 เท่า

“พวกเราได้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในฐานะรัฐแห่งอาวุธนิวเคลียร์”

“คิมจองอึน” ประกาศอย่างภาคภูมิใจ

แต่โลกไม่ได้สะใจด้วย เพราะนี่เป็นเรื่องที่เลวร้ายและแสดงให้เห็นว่าเกาหลีเหนือมีความทะเยอทะยานที่จะทำให้เห็นว่า “พวกเขาก็เป็นมหาอำนาจ” ได้ เมื่อมีอาวุธร้ายแรงอย่างนี้

สถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไปก็คงจะคุกรุ่นมากกว่าที่ผ่านๆมาอย่างแน่นอน แม้ว่าจะยังไม่ถึงขั้นเปิดสงครามใหญ่

แต่ก็จะเกิดแรงกดดันเข้มข้นขึ้นเป็นลำดับ

ปฏิกิริยาที่ชัดๆก็คือ การแสดงความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งของผู้นำสหรัฐฯ ที่เรียกร้องให้นานาชาติหรือทุกประเทศในโลกนี้คว่ำบาตรเกาหลีเหนือทันที โดยระบุว่า

นี่คือปฏิบัติการ “ก่อการร้าย”...

และเรียกร้องพุ่งตรงไปที่จีน ซึ่งสหรัฐฯคิดว่าเป็นลูกพี่ของเกาหลีเหนือด้วยการเสนอให้ดำเนินมาตรการอย่างจริงจังเน้นไปที่การงดขายน้ำมันให้

...

สหประชาชาติก็เรียกประชุมพิเศษและออกมาตรการกดดันเกาหลีเหนือ เรียกร้องให้ทุกประเทศร่วมมือกัน

ทางการจีนบอกว่า มีความกังวลต่อเรื่องนี้อย่างมากและหวังให้ทุกฝ่ายดำเนินการอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้กระทบกับสันติภาพและความมั่นคง

นิ่มๆตามสไตล์...

รัสเซียแม้ด้านหนึ่งจะบอกว่าเป็นการยั่วยุ แต่อีกด้านก็บอกว่าสหรัฐฯอย่าไปกดดันมากหรือให้ยกเลิกการซ้อมรบบริเวณนั้น เพื่อเปิดทางให้การเจรจากันน่าจะดีกว่า

เอาเข้าจริง ที่แสดงความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง น่าจะเป็นญี่ปุ่นมากกว่า เพราะเป็นประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงที่ขีปนาวุธจะไปตกชายฝั่งทะเลของญี่ปุ่นทุกครั้ง ล่าสุดก็ไปในทะเลบริเวณเขตเศรษฐกิจพิเศษ

พูดง่ายๆว่า เฉียดหัวไปมา ดีที่ไม่ตกในเขตผืนดินทำให้เกิดอันตรายได้ แต่ญี่ปุ่นก็ไม่กล้ายิงตอบโต้ นอกจากความพยายามที่จะดึงสหรัฐฯเข้ามาอยู่ในเกมมากที่สุด

คือต้องการให้สหรัฐฯเปิดฉากถล่มไปเลย

ผิดกับเกาหลีใต้ แม้รัฐบาลจะมีมาตรการตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธตอบโต้ แต่ก็ทำอะไรมากกว่านั้นไม่ได้

แต่คนเกาหลีใต้เองดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยรู้สึกอะไรมากนัก เพราะเคยชินแล้ว และเห็นว่ารัฐบาลของเขาได้แต่กดดันไปก็เท่านั้น

ยิ่งทำให้ไม่สามารถเปิดเจรจากันด้วยสันติวิธีได้.

“สายล่อฟ้า”