ป่าใหญ่ใต้ทะเลส่วนใหญ่จะมีสาหร่ายที่เรียกว่าเคลป์ (Kelp) ซึ่งมีหลายชนิดและพวกมันเติบโตได้รวดเร็ว ป่าสาหร่ายทะเลเคลป์ถือว่าเป็นที่อาศัยของสัตว์ทะเลหลายสายพันธุ์ และเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ โดยจะพบได้ในทุกทวีป ยกเว้นทวีปแอนตาร์กติกา ทั้งนี้ สาหร่ายทะเลดังกล่าวยังมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจอย่างมหาศาล

แต่เมื่อเร็วๆนี้ นักชีววิทยาทางทะเลจากมหาวิทยาลัยเวสเทิร์นออสเตรเลีย เผยว่า พื้นที่สำคัญๆของป่าสาหร่ายทะเลเคลป์ กำลังสูญเสียไปอย่างน่าตกใจ เช่นที่อ่าวเมน ในทวีปอเมริกาเหนือ ตั้งแต่เคปคอดจนถึงโนวา สโกเทีย หรือแม้กระทั่งในทะเลเมดิเตอเรเนียนนอก รวมถึงชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น ประเทศออสเตรเลีย และบางส่วนของชายฝั่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา สาเหตุเกิดจากน้ำในมหาสมุทรร้อนขึ้น อันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ควบคู่ไปกับการถูกคุกคามจากพืชชนิดที่เป็นสายพันธุ์รุกราน โดยมีรายงานระบุว่าสาหร่ายทะเลชนิดอื่นเข้ามาเติบโตในพื้นที่ของสาหร่ายเจ้าถิ่นแถบทะเลรัฐเมน ในสหรัฐอเมริกา ส่วนในแถบทะเลออสเตรเลีย ทะเลเมดิเตอเรเนียน และทะเลญี่ปุ่น ก็พบว่าปลาจากเขตร้อนกำลังก็เข้ามากินสาหร่ายเคลป์เช่นกัน

ความร้อนของน้ำในมหาสมุทรกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเลและลุกลามไปทางภาคเศรษฐกิจชายฝั่ง ซึ่งนักวิจัยมองว่าเป็นเรื่องที่ซับซ้อนในอนาคต เมื่อน้ำทะเลอุ่นขึ้นจะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากในการปกปักรักษาป่าใหญ่ใต้ทะเล.