เพราะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบทอดกันมาตามหลักความเชื่อและศาสนาที่ต้องจุดธูปเทียนไหว้พระหรือจุดประทัดขับไล่สิ่งไม่ดีหรือแม้แต่เพื่อบูชาเทพเจ้า เมื่อมีความพยายามห้ามสิ่งเหล่านี้โดยรัฐที่ดูเหมือนจะไม่เข้าใจปัญหาจึงต้องเคลื่อนไหวต่อต้าน

เรื่องนี้เกิดกับชาวไต้หวันที่อดรนทนไม่ไหวต้องออกมาชุมนุมนับหมื่นคน โดยเป็นกลุ่มคนที่เลื่อมใสศาสนาหรือลัทธิเต๋า รวมตัวกันในกรุงไทเป เพื่อร่วมกันคัดค้านความพยายามของรัฐบาลเพื่อควบคุมการจุดธูปและการเผากระดาษเงินกระดาษทองหรือแม้แต่การจุดประทัด ระหว่างประกอบพิธีกรรมทางศาสนา

เหตุผลที่รัฐบาลอ้างก็คือเพื่อแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ

แต่หากถามชาวบ้าน ย่อมไม่เห็นด้วยแน่นอน เพราะการจุดธูปบูชาพระหรือจุดประทัดคือแนวปฏิบัติสำคัญดั้งเดิม สืบต่อกันมาไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่น

ผู้เข้าร่วมประท้วงคนหนึ่งบอกว่า “การจุดธูปบูชาคือหลักปฏิบัติสำคัญของศาสนาของพวกเรา”

ขณะที่อีกคนบอกว่า “เทพเจ้าจะรับรู้ถึงการเคารพบูชาได้ก็ต่อเมื่อมีการจุดธูป ส่วนตัวเติบโตมาในแถบชนบท จึงรู้ดีว่าอะไรคือดีหรือส่งผลร้ายต่อสุขภาพ และคิดว่า มลพิษจากท่อไอเสียรถและมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมน่าจะเป็นปัญหามากกว่า”

ส่วนรัฐบาลต้องรีบออกแถลงการณ์ชี้แจงไม่ได้คิดจะห้ามผู้คนประกอบพิธีกรรมเหล่านี้ เพียงแต่เป็นข้อเรียกร้องให้กลุ่มศาสนาหามาตรการเหมาะสมเพื่อช่วยลดปัญหามลพิษ หลังการตรวจวัดคุณภาพอากาศระหว่างเทศกาลแสวงบุญของผู้นับถือเต๋าเมื่อปีที่แล้ว พบค่ามลพิษในอากาศสูงเกินกว่าค่าปกติที่ไม่เป็นอันตรายต่อ สุขภาพมากถึง 60 เท่า

อย่างไรก็ดี ข้อเรียกร้องของรัฐบาลก็มีบางส่วนที่นำไปปฏิบัติ อย่างเช่น มีวัดศาสนาเต๋า แห่งหนึ่งได้ยกเลิกการจุดธูปบูชาตอนไหว้พระหรือเซ่นไหว้เทพเจ้า ส่วนอีกวัด เริ่มใช้วิธีเปิดเทปเสียงประทัดแทนการจุดประทัดของจริง

...

เรื่องอะไรก็ตามที่กระทบวิถีชีวิตชาวบ้านที่ทำสืบกันมา ก็ย่อมมีแรงต้านเป็นธรรมดา ทางออกที่ดีที่สุดคือหา “จุดตรงกลาง” ให้พบ หรือพูดง่ายๆพบกันครึ่งทาง แต่หากชาวบ้านไม่เอาทุกทาง รัฐก็คงต้องพับแผนไว้ก่อน.

เกรียงศักดิ์ จุนโนนยางค์