ตร.สุราษฎร์ฯ เร่งตามตัว 2 หนุ่มเมียนมา คลี่ปมฆ่าสาวสติไม่ดีฝังทราย ชายหาดเกาะสมุย พบเดินทางออกจากไทยไปแล้ว ผ่านทางชายแดนแม่สอด ...

จากกรณีพบศพหญิงสาวถูกฆ่า และนำศพมาฝังริมชายหาด บ้านละไม ม.4 ต.มะเร็ต อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อช่วงเย็นวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา จากการตรวจสอบทราบว่า ผู้เสียชีวิตคือ นางลูซี หรือบางคนเรียก ยายช้าง อายุประมาณ 50 ปี เบื้องต้น ทราบว่าเป็นคนสัญชาติเมียนมา เชื้อสายเนปาล ซึ่งนางลูซี เดินทางมาอยู่เกาะสมุยได้ประมาณ 15 ปี หลังเลิกรากับแฟนชาวต่างชาติ ก็มีอาการคล้ายตนสติไม่ดี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 4 ก.ค. 60 พ.ต.อ.ชนะวรศิณธุ์ ศุภพนารักษ์ ผกก.สภ.บ่อผุด ได้เดินทางลงตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ บริเวณชายหาดบ้านละไมอีกครั้งในวันนี้ เพื่อหาข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติม พร้อมเกิดเผยว่า หลังเกิดเหตุพบศพในช่วงเย็นเมื่อวานนี้ ก็ได้มีการเก็บข้อมูลหลักฐานในที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะชุดสืบสวน ร่วมไประชุมวางแนวทางสืบหาตัวคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ โดยได้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนหาข้อมูลผู้เสียชีวิต ว่าได้พักอาศัยอยู่กับใครบ้าง และชนวนเหตุการฆาตกรรม

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่พุ่งปมไปที่การชิงทรัพย์ เนื่องจากข้อมูลพบว่า ทรัพย์สิน เป็นสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท ของผู้ตาย ที่ชาวบ้านเคยเห็นผู้ตายห้อยอยู่ได้หายไป ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้เร่งติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้าน พ.ต.ท.ศิรชัย เกิดศรี รอง ผกก.สืบสวน สภ.บ่อผุด เปิดเผยว่า จากแนวทางการสืบสวน ทางเจ้าหน้าที่เชื่อว่าคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุ คงจะอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุมากนัก ซึ่งหลังจากลงพื้นที่สืบหาข้อมูล ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้พยายามตามติดตัวชายชาวเมียนมา 2 คน ที่เคยทำงานอยู่บริเวณดังกล่าว แต่ได้ลาออกไปแล้ว ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลทราบว่า ทั้งสองคนได้เดินทางออกนอกประเทศไทยไปยังเมียนมาแล้ววันนี้ ผ่านทางชายแดนแม่สอด โดยชาวเมียนมาทั้ง 2 คน เป็นเพียงผู้ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการตัวมาสอบสวน เพื่อหาข้อมูลเชื่อมโยงในคดี

...

ด้าน ป้าแป๋ว อาชีพบริการทำเล็บให้กับชาวต่างชาติ ริมชายหาดละไม เปิดเผยว่า นางลูซี ผู้ตาย จะชอบมาเดินเล่นริมชายหาดเกือบทุกวัน เป็นแบบนี้มาหลายปีแล้ว ซึ่งบางทีก็มาขออาหารกินตามร้านค้า และชอบเดินขอเงินจากนักท่องเที่ยวริมชายหาด ซึ่ง นางลูซี พูดภาษาอังกฤษได้ดี เนื่องจากเคยมีแฟนเป็นชาวต่างชาติ นักท่องเที่ยวก็จะให้เงินครั้งละ 100-200 เพราะสงสาร แต่ระยะหลัง นางลูซี ก็ไม่ค่อยได้ขอเงินใคร และมีเงินเก็บจนไปซื้อทองหนัก 1 บาท มาใส่ได้.