พ่อแม่ของผู้ต้องหาคดียาเสพติด ร้องรองปลัด ยธ. ขอฟื้นคดี ลูกชายถูกซ้อมภายในห้องขังซอย เรือนจำอำเภอธัญบุรี ตายก่อนที่จะย้ายไปขังคุกอยุธยาในวันรุ่งขึ้น เผยสภาพร่างกายมีรอยฟกช้ำจากของแข็ง ไม่มีคมกระแทก ตั้งข้อสังเกตในห้องขังซอย ไม่น่ามีของแข็งเป็นอาวุธได้ ...
ที่กระทรวงยุติธรรม เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 3 ก.ค. นายบุญสืบ เข็มนาค และนางอัมพร บัวเผื่อน พ่อและแม่ของ นายอภิชาติ เข็มนาค ผู้ต้องขังคดียาเสพติด ที่เสียชีวิตในเรือนจำอำเภอธัญบุรี เข้าพบ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม โดยระบุว่าลูกชายเสียชีวิตในเรือนจำเมื่อปี 2558 ระหว่างรอส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำอยุธยา เนื่องจาก นายอภิชาติ ต้องโทษ 25 ปี แต่รับสารภาพ ศาลจึงลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 15 ปี และถูกจำคุกระหว่างการพิจาณาคดีที่เรือนจำอำเภอธัญบุรี 8 เดือน ซึ่งในวันรุ่งขึ้นจะถูกนำตัวไปเรือนจำจังหวัดอยุธยา แต่เสียชีวิตก่อน
โดยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์แจ้งว่าลูกชายสำลักอาหารเสียชีวิต ขณะที่ผลการชันสูตรแพทย์ลงความเห็นว่าหัวใจล้มเหลว ส่วนร่องรอยฟกช้ำตามร่างกาย เกิดจากของแข็งไม่มีคมกระแทก ซึ่งสภาพรอยฟกช้ำที่ตัวศพ ทำให้ตนเองไม่เชื่อว่าลูกจะถูกทำร้ายจากผู้ต้องขังเพียงคนเดียว เนื่องจากในวันเกิดเหตุ ลูกชายถูกลงโทษให้ขังซอย และในห้องขังซอย ไม่น่าจะมีของแข็งที่ใช้เป็นอาวุธได้
...
นายบุญสืบ ยังกล่าวว่า ที่ผ่านมาตนได้เข้าร้องเรียนไปแล้วเกือบทุกหน่วยงาน ทั้งตำรวจ, ป.ป.ช., กสม., พม., ป.ป.ท., แพทยสภา และกระทรวงยุติธรรม ในสมัยที่ นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ เป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม แต่ผลสอบที่ออกมาไม่สามารถดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ได้ ขณะที่ ป.ป.ช.จังหวัดปทุมธานี ระบุว่า ผบ.เรือนจำ ไม่มีความผิด และไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ จนกว่าจะมีหลักฐานใหม่ ตนจึงมาร้องขอให้ พ.ต.อ.ดุษฎี รื้อฟื้นสำนวนคดีอีกครั้ง
ด้าน พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า เบื้องต้นจะนำภาพจากการชันสูตรพลิกศพไปเปรียบเทียบกับคำรับสารภาพของผู้ต้องขัง ที่รับว่าก่อเหตุวิวาทกับผู้ตาย โดยเตะเข้าที่หน้าอกของผู้ตาย 3 ครั้ง จนทำให้เสียชีวิต เพื่อตรวจสอบว่าคำรับสารภาพกับร่องรอยบาดแผลตรงกันหรือไม่ ซึ่งนักโทษที่รับสารภาพ ก็ถูกศาลพิพากษาให้เพิ่มโทษจำคุกอีก 6 ปี รวมทั้งจะตรวจสอบด้วยว่า ผู้ตายกระทำผิดวินัยหรือฝ่าฝืนระเบียบเรือนจำอย่างไร จึงถูกลงโทษให้แยกขังซอย และหลังเกิดเหตุ เรือนจำได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือไม่ ทั้งนี้ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงว่า มีใครสั่งการ หรือมีผู้ร่วมทำร้ายผู้ตายหรือไม่ หรือเป็นเพียงการเข้าใจผิดของพ่อแม่ผู้ตายเอง คาดว่าภายใน 2 เดือน จะสามารถสรุปความเห็นในคดีนี้ได้ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นจะประสานย้ายผู้ต้องขังรายดังกล่าว ไปขังเรือนจำอื่นก่อนจนกว่าการตรวจสอบข้อเท็จจริงจะแล้วเสร็จ
ขณะที่ นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ กล่าวว่า กรณีที่มาร้องเรียนวันนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา กรมราชทัณฑ์ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ในส่วนของกระทรวงยุติธรรมก็ได้ตั้งคณะกรรมการจากกระทรวง และกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ก็เข้าไปร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรือนจำ ซึ่งผลออกมาตรงกันคือ เจ้าหน้าที่ไม่เกี่ยวข้อง แต่เป็นเหตุวิวาทของผู้ต้องขังด้วยกันเอง ซึ่งผู้ต้องขังที่ก่อเหตุก็ได้ถูกดำเนินคดีและศาลลงโทษไปแล้ว ทั้งนี้ เมื่อมีการมายื่นเรื่องใหม่ก็พร้อมที่จะให้ตรวจสอบ.