เลขาธิการ ปปง.เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ “ซื้อขายบัญชีธนาคารและบัตรเอทีเอ็ม” อาจมีความผิดฐานฟอกเงิน มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท

วันนี้ 3 พ.ค. 60 พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (เลขาธิการ ปปง.) กล่าวว่า จากกรณีที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงกรณีที่มีผู้เปิดเพจ “รับซื้อขายบัญชีธนาคารและบัตรเอทีเอ็ม” จูงใจโดยการให้ผลตอบแทนสูง จึงอยากให้ประชาชนระมัดระวังว่าการชักชวนดังกล่าวอาจเป็นการกระทำที่ไม่ประสงค์ดี อาจเข้าข่ายต้มตุ๋น และอาจเข้าเกณฑ์การฟอกเงินด้วยนั้น ปัจจุบันมีรูปแบบการหลอกลวงที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินผ่านอินเทอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์เป็นจำนวนมาก และถูกปรับเปลี่ยนไปให้มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ สำนักงาน ปปง. จึงมีความห่วงใยต่อความปลอดภัยในทรัพย์สินของประชาชนที่อาจจะพบเหตุการณ์เช่นนี้ในชีวิตประจำวัน

ดังนั้น สำนักงาน ปปง. จึงขอแจ้งเตือนว่า “การรับซื้อขายบัญชีธนาคารและบัตรเอทีเอ็ม” ดังกล่าวอาจเป็น “รูปแบบหนึ่งของการหลอกลวงให้โอนเงิน” หรืออาจเข้าข่าย “การรับจ้างเปิดบัญชี” ดังนั้น สำนักงาน ปปง. จึงขอแจ้งเตือนประชาชน “อย่าหลงเชื่อ” จนนำไปสู่การซื้อหรือขายบัญชีธนาคารและบัตรเอทีเอ็ม เพราะอาจถูกดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงินผู้ที่รับจ้างเปิดบัญชีและใช้บัญชี การกระทำดังกล่าวเป็นการให้ความร่วมมือกับมิจฉาชีพ ด้วยวิธีการรับจ้างเปิดบัญชีเพื่อใช้ในการหลอกลวงให้ประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อโอนเงิน เข้าข่ายเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน โดยสำนักงาน ปปง. จะตรวจสอบธุรกรรมและทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดและบุคคลที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ จนนำไปสู่การยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในที่สุด และจะดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงิน กับผู้ที่จ้างให้เปิดบัญชีและผู้รับจ้างเปิดบัญชีอย่างเด็ดขาด และถึงที่สุดเช่นกัน

...

ทั้งนี้ ความผิดฐานฟอกเงินนั้น มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี หรือปรับ ตั้งแต่ 20,000 ถึง 200,000 บาท

เลขาธิการ ปปง. กล่าวเพิ่มเติมว่า หากมีข้อสงสัยใดที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน หรือสงสัยว่าอาจจะโดนหลอกลวงให้โอนเงิน สามารถโทรสอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน ปปง. 1710 และขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าสำนักงาน ปปง. จะใช้กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในการดำเนินการในคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชนอย่างรอบคอบรัดกุม บนพื้นฐานของความยุติธรรม ตามปรัชญาในการทำงานที่ว่า “ทรัพย์สินใดเป็นของแผ่นดิน ทรัพย์สินนั้นต้องกลับคืนโดยไม่มีเงื่อนไข ด้วยกฎหมายฟอกเงิน”