ตำรวจ ปปป. เผย 7 เจ้าหน้าที่กองกีฬา กทม. โกงปลอมใบเสนอราคาเบิกงบซ่อมรถบัสทิพย์ เป็นเงินรวมเกือบ 2.8 ล้านบาท ได้ประกันตัวหมด พร้อมให้การปฏิเสธ
จากกรณีการตำรวจ บก.ปปป.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จับกุมนายดำรงค์ รื่นสุข อายุ 61 ปี อดีตผู้อำนวยการ สังกัด กองการกีฬาฯ, นายภูมินทร์ มลทิพย์ อายุ 42 ปี นักพัฒนาการกีฬา สังกัด กองการกีฬาฯ, นายคมกริช หมัดป้องตัว อายุ 52 ปี นักพัฒนาการกีฬา สังกัด กองการกีฬาฯ, นายปฏิญญา ณะมี อายุ 47 ปี เจ้าพนักงานพัสดุ สังกัด กองการกีฬาฯ, น.ส.สิริกัญญา บุญพัก อายุ 43 ปี เจ้าพนักงานธุรการชำนาญการ สังกัด กองการกีฬาฯ, นายอภินันท์ ประเสริฐแสง อายุ 47 ปี นักพัฒนาการกีฬา สังกัด กองการกีฬาฯ และ น.ส.สุชาวดี สุขสุวรรณ อายุ 43 ปี นักวิชาการพัสดุ สังกัด กองการกีฬาฯ ข้อหาร่วมกันทุจริตปลอมใบเสนอราคาเบิกเงินซ่อมรถบัส ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 13 มีนาคม 2568 ที่ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พ.ต.อ.เพิ่มวุฒิ ประทุมราช ผกก.1 บก.ปปป. เผยความคืบหน้าคดีการจับกุม 7 เจ้าหน้าที่กองการกีฬา สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร ร่วมกันทุจริตปลอมใบเสนอราคาเบิกเงินซ่อมรถบัส ว่า คดีนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด 7 คน ในจำนวนนี้ มี 5 คน ที่ถูกออกหมายจับ ส่วนอีก 2 คน เข้ามอบตัว ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีในความผิด ม. 157 ฐาน "เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารรับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร ร่วมกันรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นหรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ และร่วมกันรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ"
...
จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมด ให้การปฏิเสธ ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะอนุญาตให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน มี 2 คน ที่เป็นอดีตผู้อำนวยการฯ ที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว และเจ้าหน้าที่พัสดุ ได้กำหนดหลักทรัพย์ คนละ 4 แสนบาท ในการประกันตัว ส่วนอีก 3 คน ใช้ตำแหน่งประกันตัวไป และอีก 2 คน ให้ปล่อยตัวโดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ เนื่องจากมามอบตัว โดยทั้งหมดจะทำเอกสารชี้แจงภายหลัง

เมื่อถามว่า นอกจากนี้ที่ยังพบว่ามีการทุจริตจัดซื้อน้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์, น้ำมันพาวเวอร์, น้ำมันเฟืองท้าย อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ราคาแพงเกินจริงหลายเท่า ได้มีการดำเนินการควบคู่ไปด้วยหรือไม่อย่างไร พ.ต.อ.เพิ่มวุฒิ กล่าวว่า ได้มีการตรวจสอบไปทางเจ้าหน้าที่ กทม. ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับช่างซ่อม ตรวจสอบข้อมูลจากกรมโรงงาน กทม. จึงได้รวบรวมข้อมูลดังกล่าวไว้ในสำนวนแล้ว โดยยอมรับว่ามีพฤติการณ์ทุจริตแบบนี้จริง ส่วนเรื่องการทุจริตจัดซื้ออุปกรณ์กีฬา ทาง กทม. เป็นผู้ร้องไปยัง ป.ป.ช. เอง ไม่ได้ร้องทุกข์มาที่ บก.ปปป. จึงเป็นอำนาจการชี้มูลของ ป.ป.ช.