สกลนคร-คุมตัวผู้ต้องหารายที่ 4 ทำแผน จัดฉากฆ่าโหด คดีอุบัติเหตุรถ หวังฮุบเงินประกันภัย "14 ล้าน" ซัดมีนายตำรวจร่วมวงด้วย เผยลวงเหยื่อขึ้นรถ พาตัดผม ซื้อเสื้อใหม่ พาดื่มกินเมามาย ก่อนลากร่างให้รถทับ จัดฉากอุบัติเหตุ
จากกรณีที่ตัวแทนบริษัทประกันภัยจากบริษัทต่างๆ และบริษัทประกันภัยกลาง เข้าร้องเรียนกับตำรวจ บก.ภ.จ.สกลนคร เนื่องจากพบความผิดปกติในการทำประกันภัยในคดีอุบัติเหตุรถชนมีรถคู่กรณี 3 คัน เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2568 เป็นเหตุให้นายวิเชียร จิตเย็น อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 150 หมู่ 15 ต.วานรนิวาส อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร เสียชีวิต ตรวจสอบรถทั้ง 3 คัน ทำประกันภัยไว้หลายกรมธรรม์และหลายบริษัทภาคบังคับ 21 กรมธรรม์ วงเงินประกันภัยประมาณ 14 ล้านบาท พบพิรุธหลายประการที่เชื่อว่าน่าจะเป็นการฆาตกรรมอำพรางเพื่อหวังเงินประกัน ล่าสุดตำรวจจับกุมแล้ว 4 คน ชื่อ นายสมศักดิ์ หรือแอะ โวเบ้า อายุ 56 ปี นายพีรพัฒน์ หรือป้อม รักกุศล อายุ 30 ปี นายสกล สอนแก้ว อายุ 38 ปี และนายพรชนก หรือเก่ง อ่อนสุระทุม อายุ 41 ปี แจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานจับหัวโจก นายตำรวจยศ พ.ต.ท. ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 มีนาคม 2568 ที่ห้องประชุม ศปก.สภ.วานรนิวาส พ.ต.อ.จิรโรจน์ โรจน์ภานุพัชร์ รอง ผบก.ภ.จว.สกลนคร เรียกประชุมชุดสืบสวนคลี่คลายคดีทั้งหมด เพื่อสรุปความคืบหน้าของคดี หลังจากที่เมื่อวานนี้นายพรชนก หรือเก่ง อ่อนสุระทุม อายุ 41 ปี ได้เข้ามอบตัว และให้การรับสารภาพ ซึ่งจากการสอบสวน พบข้อมูลที่ชัดเจนถึงกลุ่มผู้ร่วมขบวนการ และพฤติการณ์เกือบทั้งหมด โดยการประชุมใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง
จากนั้นเวลา 13.00 น. ตำรวจควบคุมตัวนายพรชนก ไปชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ จุดแรกที่โรงบรรจุน้ำอ่อนสุระทุม ม.10 ต.เจริญศิลป์ อ.เจริญศิลป์ ซึ่งเป็นของนายพรชนก เป็นจุดเริ่มต้นที่นายสกลขับรถมารับนายพรชนก
...

จุดที่ 2 นายสกลขับพานายพรชนกไปรับนายวิเชียรที่บ้านของนายวิเชียร ที่บ้านสุวรรณคีรี จุดที่ 3 พานายวิเชียรไปตัดผมที่ร้านเกษงามล่ะเบ๋อ ในพื้นที่ อ.เจริญศิลป์ จุดที่ 4 พานายวิเชียรไปซื้อเสื้อผ้าร้านซุปเปอร์ถูก ในเทศบาลเจริญศิลป์ โดยนายสกลเป็นคนลงจากรถไปซื้อ นายพรชนกรออยู่หน้าร้าน ส่วนนายวิเชียรนั่งรออยู่บนรถ
จุดที่ 5 เดินทางมากินข้าวที่ร้านบัวชมพู และมีการดื่มสุราด้วย ซึ่งนายพรชนก บอกว่านายวิเชียรเริ่มมีอาการคล้ายมึนเมา จนช่วงค่ำมีโทรศัพท์จากนายพีรพัฒน์ โทรมาหานายสกลบอกว่ารถเสีย จึงพากันขึ้นรถออกไป โดยจากร้านอาหารนี้ นายสกลขอไปนั่งหลังรถกระบะ 4 ประตู โดยบอกว่าจะสูบบุหรี่ เมื่อผ่านจุดทางแยกที่มีกล้องวงจรปิดแล้ว นายสกลที่นั่งอยู่หลังรถกระบะก็เคาะกระจกด้านหลังรถ บอกว่าหนาวขอเข้าไปขับรถเอง นายพรชนกจึงจอดรถเปลี่ยนให้นายสกลมาขับแทน
จนมาถึงจุดที่ 6 ซึ่งเป็นจุดที่มีรวมตัวกัน โดยจุดนี้ นายพรชนกให้การว่ามีรถกระบะคอกข้างที่ใช้ขนน้ำจอดอยู่ 2 คัน นายสกลจึงขับไปจอดต่อท้าย จากนั้นนายสกลและนายพรชนกเดินลงไปข้างทาง ซึ่งมีลักษณะเป็นลานโล่ง เห็นมีรถตราโล่ของตำรวจจอดหลบอยู่ด้านในลานดังกล่าว มีนายตำรวจในชุดเครื่องแบบยืนอยู่หน้ารถคันนั้น ซึ่งนายพรชนก ยืนยันว่าจำได้ว่าเป็นใคร เนื่องจากเคยเจอกันในงานศพยายของนายสกล จากนั้นก็มีการพูดคุยกันถึงเรื่องการจัดฉากนายวิเชียร แต่นายตำรวจนายนั้นไม่ได้เข้ามาร่วมวงด้วย คงยืนอยู่หน้ารถตราโล่เท่านั้น

โดยนายพรชนก อ้างว่านายสกลบอกว่า จะจัดการนายวิเชียร เนื่องจากชอบเมายาอาละวาดจนญาติไม่เอาไว้แล้ว จากนั้นนายสกลก็บอกแผนว่า ให้ตนกับนายสมศักดิ์ขับรถพานายวิเชียรไปตรงหลักกิโลเมตรที่ 15 เพื่อเอาตัวนายวิเชียรไปนอนที่พื้นจัดฉากอุบัติเหตุ แล้วจากนั้นจะให้นายพีรพัฒน์ขับรถอีกคันตามไปเพื่อเหยียบทับร่างนายวิเชียร

หลังพูดคุยกันเสร็จ นายสกลก็ขับรถกระบะคอกข้างออกไป เพื่อไปดูลาดเลาว่าปลอดคนหรือไม่ จากนั้นก็โทรมาบอกให้ตนและนายสมศักดิ์ขับกระบะ 4 ประตูพานายวิเชียรตามไป ซึ่งเมื่อตนไปถึงตรงจุดจัดฉาก กม.ที่ 15 ทำทีจอดรถลงไปปัสสาวะกันทุกคน หลังปัสสาวะเสร็จนายวิเชียรที่มีอาการมึนเมาก็ไปนั่งบนถนนหน้ารถ สักพักนายสมศักดิ์ก็เข้าไปลากนายวิเชียรไปนอนคว่ำหน้าอยู่กลางถนน แล้วพวกตนก็พากันขับรถไปตรงจุดนัดพบจุดสุดท้ายบริเวณทางแยกเข้าบ้านนาสมบูรณ์ ต.ธาตุ อ.วานรนิวาส ซึ่งห่างจากจุดจัดฉากประมาณ 1 กิโลเมตรเศษ ก็เจอนายสกลจอดรถรออยู่ สักพักใหญ่ก็เห็นนายพีรพัฒน์ ขับรถกระบะมีคอกข้างอีกคันมาถึง นายสกล ก็ถามว่า ขับทับนายวิเชียรหรือเปล่าแล้วตายหรือยัง ซึ่งนายพีรพัฒน์ ก็ตอบว่าขับทับอยู่แต่ไม่รู้ว่าตายรึเปล่า นายสกลกับนายสมศักดิ์จึงขับรถกระบะ 4 ประตูย้อนกลับไปดูว่านายวิเชียรตายหรือยัง ระหว่างนั้นตนกับนายพีรพัฒน์ก็พากันผูกเหล็กลากรถเพื่อทำทีว่ารถเสีย แล้วก็พากันรอประมาณ 1 ชั่วโมง นายสมศักดิ์จึงขับกระบะ 4 ประตูกลับมา โดยไม่ทราบว่านายสกลไปไหน จากนั้นก็พากันนำรถทั้ง 3 คัน กลับไปจอดที่โรงน้ำของตนเองแล้วก็แยกย้ายกันไป ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นตนไม่ได้มีเจตนาจะเข้ามาร่วมก่อเหตุ แต่ถูกนายสกลไปรับมาจนต้องตกกระไดพลอยโจน เข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
...