อ่างทอง จับแล้ว พี-เป็ด มือปืนและคนพาหนี ในคดีรัวยิง 2 ศพ เปิดปากสารภาพปมขัดแย้งเรื่องส่วนตัว ลั่นคิดว่าชีวิตมันก็ไม่เหลืออะไรแล้ว ยึดของกลางอาวุธปืนขนาด 11 มม. พร้อมเครื่องกระสุนมากกว่า 50 นัด

ความคืบหน้าคดีหนุ่มคลั่งใช้อาวุธปืนยิงดับ 2 ศพในพื้นที่ จ.อ่างทอง ภายหลังพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอ่างทอง รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับศาลจังหวัดอ่างทอง ดำเนินคดีกับนายธนาธร ทิพย์ประเทือง หรือ พี อายุ 30 ปี (คนยิง) และนายนพดล อินศิริ หรือเป็ด (ผู้ขับขี่จยย.พาหลบหนี) ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น ร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวแล้ว ศาลพิจารณาออกหมายจับแล้วนั้น

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.บก.สส.ภ.1 พล.ต.ต.กิตติ สกุณี ผบก.ภ.จว.อ่างทอง พร้อมด้วยกำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษ สืบสวน ภ.1 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองอ่างทอง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.แสวงหา จำนวนกว่า 50 นาย ได้ทำการปิดล้อมตรวจค้นบ้านเลขที่ 79/1 หมู่ที่ 1 ตำบลวังน้ำเย็น อำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง ลักษณะเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง ด้านล่างทำเป็นฝาปิดบังสายตามีช่องทางเข้า อยู่ริมถนนคันคลองชลประทาน 3 ขวา 1 ขวา

หลังจากสืบทราบหาข่าวมาว่า นายธนาธร ทิพย์ประเทือง หรือไอ้พี อายุ 30 ปี มือปืนที่ก่อเหตุยิง นายเดชา ข้าวเบา อายุ 70 ปี ลุงเขย จากนั้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟิน ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน โดยมี นาย นพดล อินศิริ หรือ เป็ด อายุ 32 ปี มุ่งหน้าออกห่างจากบ้านไปอีก 15 กิโลเมตร ในอีกตำบล และบุกไปยิง นาย พิชากร บุญช่วย หรือ เต้า อายุ 30 ปี ที่เป็นเพื่อนสนิทกันเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 68 ที่ผ่านมา หลังก่อเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์พาหลบหนี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับทั้งสองคน ในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่น ร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตพาอาวุธติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว

...

ล็อกมือปืน รัวยิง 2 ศพอ่างทอง ปมขัดแย้งส่วนตัว สารภาพลั่นชีวิตนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว

ซึ่งจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบเบาะแสว่า ไอ้พีมือปืนและไอ้เป็ดได้หลบหนีเข้าไปในพื้นที่แสวงหา รอยต่อจังหวัดสิงห์บุรี โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนได้เร่งติดตามจับกุมอย่างเร่งด่วน ซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองคนเป็นบุคคลอันตราย มีอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนและมีอาการคลุ้มคลั่งเป็นภัยต่อประชาชนที่พบเห็น

ทางเจ้าหน้าที่จึงเข้าปิดล้อมบ้านเป้าหมาย โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที จึงสามารถเข้าควบคุมผู้ต้องหาเอาไว้ได้ พร้อมกับทำการสอบสวนเบื้องต้น และตรวจค้นวัตถุพยานที่ใช้ในการก่อเหตุ

โดย นายพี และนายเป็ด ยอมมอบตัวกับเจ้าหน้าที่แต่โดยดี ไม่มีการฮึดสู้แต่อย่างใด จากการตรวจค้น พบอาวุธปืนขนาด 11 มม. ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสะพายของไอ้พี วางอยู่บนแคร่ที่ใช้นอน ใกล้กันใต้ถุนบ้านพบรถจักรยานยนต์คันที่ใช้ในการก่อเหตุจอดอยู่ ใต้เบาะรถพบเสื้อที่ใส่ในการก่อเหตุ ส่วนลูกกระสุนปืนจำนวนมากกว่า 50 นัด ค้นพบซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสะพายอีกใบหนึ่ง ทางเจ้าหน้าที่จึงยึดเก็บไว้เป็นหลักฐาน

ล็อกมือปืน รัวยิง 2 ศพอ่างทอง ปมขัดแย้งส่วนตัว สารภาพลั่นชีวิตนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว

จากการสอบสวน นายเป็ด ให้การว่า ตนเองทำงานอยู่กับ นายพี มานานแล้ว จึงต้องไปไหนมาไหนด้วยกัน ซึ่งนาย พี ไปก่อเหตุ นายเป็ด จึงขับรถให้

ส่วน นายพี ให้การว่า สาเหตุที่ต้องยิง นายเดชา ลุงเขย เพราะมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อยครั้ง ตนเองคิดว่าคงอยู่ต่อไปไม่ไหวแล้วชีวิตนี้ จึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงลุงเขย ส่วนที่ตนเองไปยิง นายเต้า ซึ่งเคยเป็นเพื่อนสนิทกันต่อ ก็เพราะเรื่องที่น้องสาวของตนเอง ที่ตนเองออกปากห้ามแล้วไม่เชื่อตนเอง กลับไปอยู่ในกลุ่มของนายเต้า และถือว่ามีพวกเยอะมาข่มขู่ตนเอง จึงได้ตัดสินใจตามไปยิงอีกคน

ด้าน พล.ต.ต.กิตติ สกุณี ผบก.ภ.จว.อ่างทอง กล่าวว่า จากการสืบสวนแกะรอยจากกล้องวงจรปิด และพยานหลักฐาน ทำให้ชุดสืบสวนทราบว่า นาย พี และ นายเป็ด หลังก่อเหตุได้มากบดานที่บ้านหลังดังกล่าว เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา และยังใช้ให้นายเป็ด ออกไปซื้อเบียร์ที่ร้านค้าในระแวกนั้นมาให้ดื่มก่อนจะถูกจับกุม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการประชุมวางแผนอย่างรัดกุมที่สุด ในการเข้าปิดล้อมจับกุมในครั้งนี้ หลังจากก่อเหตุไม่ถึง 24 ชั่วโมง

จากการสอบสวนเบื้องต้น ที่นายพี ตัดสินใจก่อเหตุมาจากเรื่องส่วนตัวล้วนๆ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะนำตัวไปทำการสอบปากคำอย่างละเอียด ถึงสาเหตุที่แท้จริงของการก่อเหตุในครั้งนี้ต่อไป

บางช่วงบางตอนผู้สื่อข่าวถามว่า เพราะเหตุใดถึงต้องลงมือยิงทั้ง 2 ศพ นายพี มือปืน กล่าวว่า ผมคิดว่าชีวิตมันก็ไม่เหลืออะไรแล้ว และเมื่อถามว่าถ้าเปลี่ยนได้อยากขอโทษหรืออยากทำอะไรไหม นายพี มือปืน พยักหน้ายอมรับ ถ้าเกิดเปลี่ยนใจได้