คืบหน้าคดีดิไอคอนฯ ดีเอสไอส่งสำนวนเสนออัยการ สั่งฟ้อง "บอสพอล-สามารถและแม่" ร่วมกันฟอกเงิน เพื่อให้อัยการมีความเห็นทางคดี
วันที่ 28 ม.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ ส่งสำนวนเสนออัยการสั่งฟ้อง นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช และนางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ มารดาร่วมกันฟอกเงิน บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด
ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ทำการสอบสวนดำเนินคดีกับผู้บริหาร บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด และมีความเห็นสั่งฟ้อง ผู้ต้องหาจำนวน 19 ราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน (แชร์ลูกโซ่)” “ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงในลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจโดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าวซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายเพิ่มขึ้น” “ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต” “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” และ “ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” โดยได้ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการพิเศษไปเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2567
เนื่องจากกรณีดังกล่าวเป็นความผิดมูลฐานการฟอกเงิน พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้สั่งการให้ กองคดีการฟอกเงินทางอาญา ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้บริหารและเครือข่ายของบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด ที่มีพฤติการณ์ฟอกเงินโดยนำเงินที่ได้จากการกระทำความผิดดังกล่าวไปทำการโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สิน เป็นคดีพิเศษที่ 115/2567
...
ล่าสุดวันนี้ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มอบหมายให้ ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน คดีพิเศษ และนายระวี อักษรศิริ ผอ.กองคดีการฟอกเงินทางอาญา เลขานุการคณะพนักงานสอบสวน คดีพิเศษ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ นำส่งสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษดังกล่าว จำนวน 9 แฟ้ม รวมกว่า 3,000 แผ่น พร้อมความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา 4 ราย ได้แก่ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด นายวรัตน์พล หรือ บอสพอล นายสามารถ และนางวิลาวัลย์ ในข้อหากระทำความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไปส่งมอบให้ นางเยาวลักษณ์ นนทแก้ว อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ เพื่อให้พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษมีความเห็นทางคดีต่อไป
สำหรับกรณีการโอนและรับโอนทรัพย์สินที่เกี่ยวกับบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด และผู้ต้องหาอีก 18 ราย ในคดีความผิดมูลฐานไปยังบุคคลอื่น ๆ ซึ่งอาจมีพฤติการณ์เกี่ยวกับการกระทำความผิดฐานฟอกเงินนั้น อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีข้อสั่งการให้แยกสำนวนการสอบสวน เพื่อดำเนินการอีกส่วนหนึ่งด้วยแล้ว
ทั้งนี้ การดำเนินการสอบสวนคดีพิเศษให้มีความรวดเร็ว ต่อเนื่อง และเป็นธรรม เป็นนโยบายหลักประการสำคัญของ พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการสอบสวนคดีพิเศษและให้เป็นที่เชื่อถือ ศรัทธาของสังคมในการป้องกันปราบปราม สืบสวนสอบสวนคดีในความรับผิดชอบเพื่อให้การบริหารองค์การมีความยั่งยืนตามหลักธรรมาภิบาลต่อไป