เมืองไทยเหมือนกลายเป็นแดนเถื่อน นึกจะตามล่า ไล่ยิงไล่ฆ่ากันยังไงก็ได้หรือ? เหตุสังหาร นายลิม คิมยา อายุ 73 ปี ชาวกัมพูชา สัญชาติฝรั่งเศส อดีต สส.พรรคฝ่ายค้าน ปัจจุบันเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองรุ่นเก๋าที่เคยลี้ภัยไปตั้งรกรากจนได้สัญชาติฝรั่งเศสไปแล้ว

ถูกมือปืนเดินไปจ่อยิงตายกลางถนนอย่างเลือดเย็น บริเวณเกาะกลางถนนตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหารอย่างอุกอาจ?

ขณะเกิดเหตุนักท่องเที่ยว ชาวบ้าน พ่อค้าแม่ขาย ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น?

หลังจากตำรวจ สน.ชนะสงครามตรวจสอบที่เกิดเหตุ สอบสวนภรรยาชาวฝรั่งเศสเบื้องต้น ถึงรู้ว่าเป็นเรื่องใหญ่เพราะตัวผู้เสียชีวิตมีดีกรีเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองประเทศเพื่อนบ้าน

ตรวจสอบพฤติกรรมมือปืน พบก่อเหตุอย่างใจเย็น สวมหมวกกันน็อก ขี่รถ จยย.ติดป้ายทะเบียนถูกต้องมาจอดริมถนน ถอดหมวกกันน็อกเปิดเผยหน้าตา นั่งเล่นโทรศัพท์รอเวลาสังหาร

พอรถบัสของเหยื่อจอด เห็นตัวเป้าหมายชัด เดินข้ามถนนเข้าไปด้านหลังแล้วจ่อยิง 3 นัดอย่างโหดเหี้ยม กระสุนเข้าทางด้านหลังถูกหัวใจฉีกขาด 1 นัด อีกนัดถูกตับเสียหายยับไม่มีทางรอด!

หลังจากนั้นเดินไปขี่รถ จยย.ขี่หลบหนี ชนิดไม่มีพิรุธ

วิเคราะห์พฤติกรรมมือปืน ตรวจสอบรูปพรรณสัณฐาน ใบหน้า ตำรวจสามารถระบุตัวมือปืนได้อย่างรวดเร็ว ขออำนาจศาลออกหมายจับ นายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือ จ่าเอ็ม อดีตนาวิกโยธิน ข้อหาฆ่าผู้อื่น

ชุดสืบสวนนครบาล นำโดย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. นำทีมล่าตัวกระชั้นชิด แต่น่าเสียดาย คลาดกันในพื้นที่ จ.สระแก้ว เชื่อว่าหนีข้ามชายแดนไปประเทศเพื่อนบ้านแล้ว

แต่การไล่ล่ายังไม่ยุติ มีกรรมวิธีการติดตามตัวอยู่ กลัวอย่างเดียวมือปืนที่คิดว่ารอด อาจถูกตัดตอนที่ไหนก็ได้ เพราะดูแล้วเรื่องมันใหญ่เกินไป?!

...

งานนี้ตำรวจไทยต้องรวบรวมหลักฐานล่าผู้ร่วมขบวนการให้ได้ ไม่เช่นนั้นประเทศไทยจะกลายเป็นดินแดนการล่าสังหารเสรี มันเหมือนตบหน้ากันชัดๆ?

"สหบาท"

คลิกอ่านคอลัมน์ “ส่องตำรวจ” เพิ่มเติม