ปราจีนบุรี - เริ่มแล้ว ปฏิบัติการล้างบางมาเฟียปราจีนฯ ตำรวจกองปราบปราม ผนึกกำลังสืบสวนภูธรภาค 2 และภูธรปราจีนบุรีกว่า 100 นาย บุกตรวจค้น 5 เป้าหมายเครือข่าย “โกทร” คุมตัวเลขาฯคนสนิท สอบหาความเชื่อมโยงคลี่คลายปมสังหารโหด สจ.โต้ง ยังไร้เงา “ผู้ใหญ่แอ้ด-นายโจ้” หลังพบมีการเข้าออกบ้านโกทร ก่อนคืนสังหาร เพียงไม่นาน

ภายหลังตำรวจจับกุมนายสุนทร วิลาวัลย์ หรือโกทร นายก อบจ.ปราจีนบุรี อดีต รมช.สาธารณสุข พ่อนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ อดีต รมช.ศึกษาธิการ และลูกน้องอีก 6 คน ร่วมกันสังหารโหดนายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา วันที่ 15 ธันวาคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายหน่วยงานประกอบด้วย กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี หน่วยปฏิบัติการพิเศษปราจีนบุรี และตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกันเปิดภารกิจทลายรังนักเลง EP.1 "ล้างบาง มาเฟีย ปราจีน" สืบเนื่องจากเหตุสังหารนายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง คาบ้านนายสุนทร วิลาวัลย์ หรือโกทร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี โดยวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา จนนำมาสู่การดำเนินคดีนายสุนทรพร้อมพวกรวม 7 คน ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

...

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายศาลจังหวัดปราจีนบุรีเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งเป็นบ้านพักจำนวน 5 จุดของคนใกล้ชิดโกทร 4 ราย ที่มีความเกี่ยวข้องเป็นหัวคะแนนคนสำคัญของโกทรมานานหลายปี ในพื้นที่ อ.ศรีมหาโพธิ 3 จุด จำนวน 2 คน อ.ประจันตคาม 1 จุด 1 คน และ อ.บ้านสร้าง 1 จุด 1 คน

จุดแรกในพื้นที่หมู่ 3 ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ทำการของนายกู้เกียรติ แสงจันทร์ หรือผู้ใหญ่แอ้ด ผู้ใหญ่บ้าน ม.3 ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลัก ที่ทางตำรวจต้องการตัวมากที่สุดคนหนึ่ง เนื่องจากมีรายงานว่า ในวันเกิดเหตุยิง สจ.โต้ง ผู้ใหญ่แอ้ดได้เข้าไปพบโกทรที่บ้านหลังเกิดเหตุ

ซึ่งจากการตรวจในจุดนี้ พบมีบ้านอยู่ 2 หลัง หลังหนึ่งเป็นที่ทำการของผู้ใหญ่แอ้ด อีกหลังเป็นที่พักของผู้ดูแลบ้าน บริเวณด้านหลังเป็นโรงงานรีไซเคิลขยะ มีเนื้อที่ขนาดประมาณ 3 ไร่เศษ ซึ่งมีคนงาน 2 ราย อยู่ภายในโรงงาน ส่วนภายในบ้าน พบพ่อบ้านอีก 1 คน พักอาศัยอยู่ในบ้านผู้ดูแล ตำรวจแสดงหมายค้น พ่อบ้านยินยอมพาเข้าตรวจค้น แต่ในระหว่างการตรวจค้น ขอทำบันทึกภาพในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจค้นไว้เป็นหลักฐานด้วยเช่นกัน การตรวจค้น 30 นาที พบอาวุธปืน 2 กระบอกในบ้านผู้ดูแล เป็นปืนลูกโม่ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน 22 นัด และปืนแม็กกาซีน ขนาด .38 อีก 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนจำนวน 13 นัด ซึ่งทั้ง 2 กระบอก ทะเบียนผู้ครอบครองถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งทั้ง 2 กระบอกเป็นปืนของพ่อบ้าน

พ่อบ้านให้การกับตำรวจว่า ตนเป็นพี่เขยของผู้ใหญ่แอ้ด เข้ามาดูแลพื้นที่นี้มานานกว่า 2 ปีแล้ว ที่ผ่านมา ผู้ใหญ่แอ้ดจะเข้ามาที่นี่ก็ต่อเมื่อมีลูกบ้านเข้ามาขอคำปรึกษา หรือลูกบ้านเข้ามาร้องเรียนเรื่องราวต่างๆ แต่ผู้ใหญ่แอ้ดไม่ได้เข้ามาที่นี่นาน 3 วันแล้ว เนื่องจากมีธุระที่กรุงเทพฯ ส่วนโกทรส่วนตัวไม่รู้จัก แต่ได้ยินชื่อเสียง เพราะถือเป็นบุคคลผู้กว้างขวางในพื้นที่ปราจีนบุรีอยู่แล้ว นอกจากนี้ตำรวจยังเข้าตรวจค้นร้านทองของผู้ใหญ่แอ้ดอีก 1 จุด

จุดสามในอำเภอศรีมหาโพธิ เป็นโรงงานขยะรีไซเคิลของนายโจ้ ถือเป็นคนที่ตำรวจต้องการตัวมากที่สุดในปฏิบัติการทลายรังนักเลงในวันนี้ เนื่องจากพบพฤติการณ์ เช่นเดียวกับผู้ใหญ่แอ้ด ในวันเกิดเหตุ มีการเข้าออกบ้านของโกทร ก่อนที่ สจ.โต้ง ถูกยิงเสียชีวิตไม่นาน แต่การตรวจค้นไม่พบตัวนายโจ้เช่นเดียวกัน

...

จุดที่ 4 เป็นบ้านพักของนายพงศกร พงษ์คุณ เลขาส่วนตัวโกทร นายก อบจ.ปราจีนบุรี ในอำเภอบ้านสร้าง ในการตรวจค้นพบปืนลูกโม่ ขนาด .22 กระสุน 6 นัด พร้อมกับลูกกระสุนปืนลูกซอง 5 นัด (ไม่มีใบอนุญาตแสดงตอนตรวจค้น) และใบอนุญาตครอบครองปืนซึ่งไม่ตรงกับปืน และเครื่องกระสุนปืนที่ตรวจยึดได้ ตำรวจตรวจยึดไว้ตรวจสอบ และแจ้งความดำเนินคดีในข้อหามีปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมควบคุมตัวนายพงศกร มายังกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี

จุดสุดท้าย จุดที่ 5 เป็นบ้านพัก ในอำเภอประจันตคาม ซึ่งในจุดนี้ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายและตัวบุคคลเป้าหมาย เช่นเดียวกัน

นายพงศกร พงษ์คุณ เลขาส่วนตัวของนายสุนทร วิลาวัลย์ หรือโกทร เปิดเผยในระหว่างเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตาม พรบ.อาวุธปืน และให้ปากคำที่กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี หลังจากตกเป็นหนึ่งใน 5 เป้าหมายที่ทางตำรวจระดมกำลังเข้าตรวจค้นที่บ้านเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาและพบอาวุธปืนของกลางดังกล่าว ว่า ปืนกระบอกดังกล่าวเป็นของพ่อ ส่วนเครื่องกระสุนนั้นมีมานานกว่า 10 ปีแล้ว ตนก็จำไม่ได้ว่ามีที่มาอย่างไร ซึ่งเครื่องกระสุนดังกล่าวนั้นพบเจอในตู้เซฟและไม่เคยนำมาใช้งานแต่อย่างใด ไม่กังวลในเรื่องนี้

...

เมื่อถามถึงความรู้สึก กรณีตำรวจเดินหน้าปราบปรามผู้มีอิทธิพลในพื้นที่และเจ้าตัวยังตกเป็น 1 ในกลุ่มเป้าหมาย นายกรยืนยันว่า ไม่เคยมีอิทธิพลใดๆ เพราะไม่เคยทำผิดกฎหมาย ไม่รู้สึกอะไรเพราะผมไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล และไม่กังวลอะไร ส่วนผู้ใหญ่แอ้ดนั้น ก็รู้จักเป็นปกติ เพราะเป็นนักการเมืองท้องถิ่น แต่ไม่เคยทำธุรกิจด้วยกัน เช่นเดียวกับนายโจ้ ตนรู้จักในฐานะเพื่อนจังหวัดเดียวกัน เพียงแต่ไม่มีความสนิทกันแต่อย่างใด ส่วนเต็งหนึ่ง ไม่รู้จักเลย