“ทนายวิฑูรย์” เผยเข้าเยี่ยม “บอสพอล” แจ้งข่าว “สามารถ” ถูกฝากขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ คดีฟอกเงิน “บอสพอล” เฉยๆ เพราะไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกัน ส่วนทนายตั้ม ไม่ได้เจอ ขณะที่คำให้การ “ดิไอคอน” มอบให้ดีเอสไอเรียบร้อย ยืนยันไม่ใช่แชร์ลูกโซ่

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 3 ธันวาคม 2567 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายของบอสพอล เปิดเผยหลังเข้าเยี่ยมบอสพอลว่า วันนี้ตนได้มีการยื่นคำให้การของบอสพอล และบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ในรายคดีพิเศษที่ 119/2567 กรณีการดำเนินคดีอาญากับบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวก หรือแชร์ลูกโซ่ดิไอคอน ให้กับทางดีเอสไอเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเนื้อหาภายในจะเป็นรายละเอียดคำให้การข้อต่อสู้ต่อข้อกล่าวหาที่ถูกดีเอสไอแจ้งไว้ เช่น พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 โดยให้การไปว่า Dealer gets dealer ในความหมายจริงคืออะไร เพราะที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ไปให้ความหมายไว้มันเป็นเท็จและไม่ถูกต้อง เพราะมันไม่ได้หมายความว่าตัวแทนรายหนึ่งแนะนำตัวแทนใหม่เข้ามาแล้วจะได้ค่าตอบแทนเป็นรายเดือนทุกเดือน เดือนละ 10,000 บาท หรือคิดเป็นอัตรา 4 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน หรือปีหนึ่งก็ร้อยละ 48 ต่อปี หรือ 480 เปอร์เซ็นต์ต่อปี (ถ้าคิดแบบห้าสาย) ตรงนี้เราก็ได้ให้การไปว่าไม่ใช่ความจริง

แต่ความจริงคือ เป็นการแนะนำให้ตัวแทนรายใหม่เข้ามาแล้วได้ค่าตอบแทนเหมือนกับเป็นค่านายหน้า ถ้าตี 10,000 บาท ในอัตราดีลเลอร์ 250,000 บาท ก็เท่ากับ 4 เปอร์เซ็นต์ แต่เป็นการได้ครั้งเดียว ไม่ได้ทุกเดือนตามที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลังได้ให้การไว้ ซึ่งตรงนี้เป็นการให้การเท็จ เราได้ชี้แจงพร้อมเอกสารประกอบ ซึ่งก็เป็นเอกสารชุดเดียวกับที่ยื่นให้ ป.ป.ช. จำนวนหนึ่งลัง

...

ตนมองว่าการที่ดีเอสไอรับฟังความเห็นของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เป็นการรับฟังโดยสุจริต หากพยานของ สศค. ไม่ให้การ ดีเอสไอก็คงแจ้งข้อกล่าวหาไม่ได้ ส่วนประเด็นการแก้ข้อกล่าวหาเรื่อง พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 ซึ่งทาง สคบ. ให้การว่า บริษัทดิไอคอนไม่ได้ขายสินค้า แต่หาคนเป็นหลัก และลักษณะเป็นการหาคนสร้างเครือข่ายนั้น แต่เราก็ได้ให้การว่าไม่ได้เป็นการสร้างเครือข่าย โดยเราได้นำเอาคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีที่มีข้อเท็จจริงคล้ายกันกับเรา ซึ่งคดีนั้นเป็นเรื่องธุรกิจขายตรงมาเป็นตลาดตรง จึงได้นำเอาคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวมาเทียบเคียง เพื่อทำคำให้การต่อสู้คดี

ซึ่งเรายืนยันว่าไม่ได้เป็นการทำเครือข่ายตามมาตรา 19 ของ พ.ร.บ.ขายตรงฯ เพราะตามมาตราดังกล่าวระบุว่าจะต้องได้ค่าตอบแทนจากอัตราเครือข่ายที่มันเพิ่มมากขึ้น แต่ในความจริงมันเป็นแค่ 10,000 บาท เป็นค่านายหน้า และคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีดังกล่าวที่เรานำมาเทียบเคียงในกรณีของดิไอคอน ทราบว่ามีการยกฟ้องเพราะฟังไม่ได้ว่าเป็นการสร้างเครือข่าย ส่วนอีกข้อกล่าวหาที่เราได้ทำคำชี้แจง คือ การประกอบกิจการธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น เรามีหลักฐานอยู่แล้วว่า สคบ. ได้วินิจฉัยว่าธุรกิจดิไอคอนเป็นตลาดแบบตรง เพราะเราเคยไปยื่นขอเป็นขายตรง แต่เขายืนยันว่ารูปแบบธุรกิจเป็นตลาดแบบตรง ซึ่งเป็นคำสั่งของ สคบ.ที่ 4/2565 ค่อนข้างชัดเจน เป็นเอกสารหลักฐานครบทุกอย่าง จึงนำเอาเอกสารทั้งหมดยื่นให้ดีเอสไอ ทั้งนี้ ทราบว่าผู้ต้องหาบอสรายอื่นก็ยืนยันคำให้การคล้ายบอสพอล จึงยื่นแค่รายเดียว

นายวิฑูรย์ เปิดเผยถึงกรณีการนำพยานของบริษัท ดิไอคอนฯ กว่า 2,000 รายเข้าให้ปากคำกับดีเอสไอ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของบรรดาบอส ตอนแรกตนได้ส่งบันทึกคำให้การของเหล่าพยานไปให้ดีเอสไอแล้วเกือบ 500 ราย วันนี้ส่งเพิ่มเติมอีกหลาย 100 ราย และในช่วง 4 โมงเย็นวันนี้จะมีการส่งเพิ่มเติมอีกเพราะเพิ่งได้เอกสารมา ได้เท่าไรเอาเท่านั้น ส่วนพยานที่มาให้ปากคำ จากที่เราจะให้เขาสอบปากคำแบบถามตอบนั้น ก็ได้มีการปรับรูปแบบใหม่ ซึ่งทางดีเอสไอก็ได้บอกว่าขอให้เป็นตัวแทน ซึ่งตนก็ได้ส่งตัวแทนไปเป็นสายบอส บอสละ 5 คน ซึ่งในส่วนที่ตนรับผิดชอบอยู่ ตนได้ส่งไป 30 คน ส่วนบอสท่านอื่นที่มีทนายอยู่แล้วส่งกี่คนตนไม่ทราบ แต่ส่วนของตนได้มีการสอบปากคำไปแล้วเมื่อวันที่ 29 พ.ย. สอบไป 5 ราย วันที่ 2 ธ.ค. สอบไป 12 ราย วันนี้สอบไปอีก 13 ราย รวมแล้วน่าจะเกือบ 1,000 ราย

ส่วนเรื่องจำนวนเงิน 1.9 ล้านบาท ตนยังไม่ได้สอบถามบอสพอลแต่อย่างใด และเพิ่งรู้เมื่อสักครู่นี้ และบอสพอลก็ยังไม่ได้บอกอะไรไว้ว่ามีการโอนเงินให้ใครอย่างไรบ้าง

ส่วนเรื่องการยื่นประกันตัวชั่วคราวบอสวิน ที่ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวนั้น ตนยังคงรอเอกสารจากทางหมอข้างในภายในเรือนจำฯ เช่น เอกสารใบรับรองแพทย์ ส่วนบอสรายอื่นคงขอดูทิศทางอีกครั้ง หากว่าทิศทางดูแล้วบรรยากาศดีก็จะยื่น เช่นเดียวกับทีมทนายอื่น ๆ ก็เหมือนกัน เพราะประเด็นที่มีความเกี่ยวข้องกัน คือ มีการระบุว่าอาจมีการหลบหนีและไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน คงต้องรอภายหลังจากที่มีการสรุปสำนวน หากเจ้าหน้าที่มีการสรุปสำนวนแล้วก็จะแปลได้ว่าเราไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานไม่ได้

ส่วนเรื่องหลบหนี ประเทศไทยมีศูนย์ JSOC ที่จะติดตามพฤติกรรมของคนที่ติดกำไล EM หากจะเคลื่อนไหวไปชายแดนหรือที่ใดกำไล EM จะระบุพิกัดว่าอยู่ตรงไหน แต่เพื่อความสบายใจตนมองว่ามันจำกัดบริเวณได้ ส่วนหลักทรัพย์การยื่นขอประกันตัวชั่วคราว อาจเท่ามูลค่า 2 ล้านบาทที่บอสดาราเคยยื่นขอต่อศาล

ทั้งนี้ ตนได้บอกบอสพอลแล้วว่านายสามารถได้เข้าไปในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แล้ว บอสพอลก็ถามว่านายสามารถถูกดำเนินคดีอะไร ตนก็บอกว่า คดีร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงินจากคดีบริษัท ดิไอคอน แต่บอสพอลก็ไม่ได้อะไร เพราะไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกัน พร้อมยืนยันว่าบอสพอลไม่ได้เจอทนายตั้ม เพราะเรือนจำฯ แยกไม่ให้เจอกัน