ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี ไปเอง รุดเยี่ยมบ้านผู้เสียหายโดนเก๋งเมาพุ่งชน เผยร้อยเวรยังใหม่ ประสบการณ์น้อย มาลงตำแหน่งได้ไม่ถึงปี อาจสื่อสารผิดพลาด เรียกว่ากล่าวตักเตือนแล้ว พร้อมสั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง

จากกรณีชาวบ้านได้ร้องเรียนผู้สื่อข่าวว่า มีหนุ่มเมาขับรถเก๋งพุ่งชนห้องเช่าพังเสียหาย 2 ห้อง รถจักรยานยนต์เสียหาย 1 คัน เมื่อเวลา 04.38 น. วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 คนขับรถเก๋งขอร้องไม่ให้แจ้งตำรวจ จะชดใช้ค่าเสียหายเอง แต่เจ้าของบ้านตัดสินใจแจ้งตำรวจ โดยมี ร.ต.ท.ทรงภพ คำใจ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ออกมาตรวจที่เกิดเหตุ ผู้เสียหายขอให้คนขับเก๋งเป่าเครื่องวัดแอลกอฮอล์ แต่ตำรวจไม่ให้ดูผลเป่า ซ้ำยังห้ามถ่ายคลิปหรือไลฟ์สด และพูดจาไม่สุภาพ สุดท้ายปล่อยคนขับรถเก๋งไป โดยไม่ดำเนินคดีใดๆ บ่ายวันเดียวกันคนขับรถเก๋งได้นำช่างมาประเมินค่าซ่อมบ้าน ซ่อมรถ แล้วก็หายไปติดต่อไม่ได้ เกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม บ่ายวันที่ 1 ธันวาคม จึงได้เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 2 ธันวาคม 2567 พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี ได้เดินทางไปที่บ้านเกิดเหตุ ภายในซอยกิจขยัน ถนนวัฒนานุวงศ์ เขตเทศบาลนครอุดรธานีเพื่อไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ และชี้แจงข้อเท็จจริงกับผู้เสียหาย โดยมี นายอุทัย ไชยวุฒิ อายุ 37 ปี และ น.ส.มินตรา ไชยวุฒิ อายุ 29 ปี เจ้าของห้องเช่า และ น.ส.ศศินภา โพธิสาลี อายุ 26 ปี ผู้เช่า รอให้การและร่วมพูดคุยทำความเข้าใจ ต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น และนำชี้จุดเกิดเหตุ ตรวจสอบความเสียหายทั้งจากตัวห้องเช่า และรถจักรยานยนต์ ระหว่างการพูดคุยผู้เสียหายมีท่าทีสบายใจมากขึ้น เนื่องจากก่อนที่จะเป็นข่าวออกไป ยังไม่มีความคืบหน้า ไม่ได้รับการติดต่อจากคู่กรณี

...

พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า วันนี้ได้มาตรวจที่เกิดเหตุ และมาให้กำลังใจผู้เสียหาย มาให้ความมั่นใจในการทำคดีนี้ ซึ่งจะให้ผู้เสียหายตรวจเช็คความเสียหายทั้งหมดอีกครั้ง แล้วให้ไปพบพนักงานสอบสวน เบื้องต้นชายคนดังกล่าวมีผลการตรวจวัดแอลกอฮอล์ได้ 190 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เรื่องนี้จะต้องดำเนินการในข้อหา “เมาแล้วขับ” ส่วนเรื่องความเสียหายก็ต้องไปว่ากันในคดี “ทำให้เสียทรัพย์” เพิ่มเติมอีกครั้ง เมื่อสำนวนครบถ้วนก็จะเรียกคู่กรณีมารับทราบข้อกล่าวหา และตกลงค่าเสียหายทั้งหมด

“จากการสอบถาม ขณะที่พนักงานสอบสวนอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ อาจจะใช้คำพูดที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ผู้เสียหายเกิดความสับสน และเข้าใจผิดได้ ซึ่งในฐานะผู้บังคับบัญชา ก่อนอื่นต้องขอโทษผู้เสียหาย ที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและไม่สบายใจ วันนี้ก็ได้เน้นย้ำกับผู้เสียหายว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เรื่องพนักงานสอบสวน ต้องเรียนว่าน้องเพิ่งจะเข้ามาทำงานได้ประมาณ 1 ปี อายุยังน้อย ประสบการณ์ยังน้อย ได้แนะนำและว่ากล่าวตักเตือนแล้ว พนักงานสอบสวนเองได้รับปากว่าจะปรับปรุงแก้ไขการทำงาน จะทำสำนวนให้ดีที่สุด แต่ก็จะตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง หากมีมูลก็จะตั้งกรรมการสอบสวน เพื่อดำเนินการต่อไป”