ตำรวจพาพวกรุมกระทืบตำรวจ ฉุนว่าน้องในกลุ่มมีพฤติกรรมก่อความวุ่นวาย สั่งพวกทำร้ายจนกระดูกโหนกแก้มซ้ายร้าว มีเลือดออกในตาขาวทั้งสองข้าง หน้าบวม

เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 17 พ.ย. 67 ร.ต.ท.หญิง จิดาภา เกิดมีโภชน์ รอง สว.(สอบสวน) สน.วังทองหลาง รับแจ้งเหตุตำรวจร่วมกันทำร้ายร่างกายตำรวจที่ร้านอาหาร ผับ บาร์แห่งหนึ่ง ซอยลาดพร้าว 122 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร เวลาประมาณ 02.00 น. วันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา

จากการสอบสวน ร.ต.อ.เกียรติคุณ อายุ 44 ปี รอง สว.สส.สน.โคกคราม ผู้เสียหาย ให้การว่าเมื่อวันที่ 11 พ.ย. 67 เวลาประมาณ 19.00 น. ได้แวะไปที่ร้านอาหาร ผับ บาร์แห่งหนึ่ง เพื่อไปหาพี่ชายซึ่งเป็นเจ้าของร้าน และได้นั่งเล่นพูดคุยกับพนักงานในร้านเนื่องจากรู้จักกัน แต่ไม่ได้มาเพื่อดื่มเหล้า โดยระหว่างนั้นได้พกพาอาวุธปืน ยี่ห้อกล็อก ขนาด 9 มม. สีดำ มูลค่าราคาประมาณ 78,000 บาท ติดตัวมาด้วย โดยพกไว้เหน็บที่บริเวณเอวฝั่งขวา

ต่อมาเวลาประมาณ 02.00 น. ร้านกำลังจะปิดร้าน และมีพนักงานเริ่มทำความสะอาด กำลังเคลียร์พื้นที่ จากนั้นได้มีชาย 1 ราย ชื่อนายบ่าว ซึ่งผู้เสียหายได้รู้จักบุคคลดังกล่าวเนื่องจากนายบ่าวเคยเป็นพนักงานที่ร้าน และเคยก่อเหตุสร้างความวุ่นวายภายในร้านมาก่อน

ผู้เสียหายเห็นว่านายบ่าวได้พากลุ่มเพื่อนจำนวนประมาณ 10 ราย มาเที่ยวที่ร้านตอนที่ร้านใกล้จะปิด ผู้เสียหายเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์อันตราย เนื่องจากสังเกตเห็นว่านายบ่าวกับกลุ่มเพื่อนได้หลีกเลี่ยงการตรวจค้นจากเจ้าหน้าที่ภายในร้าน และเห็นว่าภายในกลุ่มเพื่อนของนายบ่าวมี ด.ต.กิตติ ซึ่งเป็นตำรวจ ยศดาบตำรวจ ฝ่ายปราบปราม สน.โคกคราม ซึ่งเป็น สน.เดียวกันกับผู้เสียหาย เดินเข้ามาพร้อมๆ กันกับกลุ่มเพื่อนของนายบ่าว ผู้เสียหายจึงได้เดินไปทักทาย หลังจากนั้นจึงได้นั่งร่วมวงที่โต๊ะเดียวกันบริเวณด้านหลังสุดของร้าน

...

ต่อมา ผู้กล่าวหาได้คุยกับ ด.ต.กิตติ และปรึกษาเรื่องนายบ่าว ถึงเหตุการณ์ตอนที่นายบ่าวและกลุ่มเพื่อนเข้ามาภายในร้านอาจจะสร้างความวุ่นวายอีกครั้ง ผู้กล่าวหาจึงเป็นกังวล แต่ ด.ต.กิตติ เกิดความไม่พอใจ เนื่องจาก ด.ต.กิตติ มาพร้อมกับกลุ่มเพื่อนของนายบ่าว จึงพูดกับผู้เสียหายว่า "บ่าวคือน้องชายพี่ มากับพี่ ก็ต้องกลับกับพี่ วันพรุ่งนี้ ไม่แกมายิงพี่ ก็ต้องให้พี่มายิงแกให้ตายกันไปข้าง" "พี่ไม่ได้ใช้คำว่าจะขอ แต่บ่าวต้องกลับกับพี่"

จากนั้น ด.ต.กิตติ ได้ลุกขึ้นทุบโต๊ะ ทางผู้เสียหายจึงลุกขึ้นตามเพื่อปรับความเข้าใจ แต่แฟนของ ด.ต.กิตติ ไม่ทราบชื่อสกุลจริง สวมเสื้อสีขาว ได้ลุกขึ้นตามมาทุบตีทำร้ายผู้เสียหาย

ทางผู้เสียหายจึงได้ยกมือป้องกันตัว แต่กลุ่มเพื่อนของนายบ่าวเห็นเหตุการณ์จึงเข้ามารุมล็อกแขน และล็อกตัวผู้กล่าวหา จากนั้น ด.ต.กิตติ ได้สั่งให้กลุ่มชายประมาณ 10 คน กดตัวผู้เสียหายลงที่พื้นแล้วรุมต่อย

จากนั้นมีชายคนหนึ่งเจอปืนที่ผู้เสียหายเหน็บไว้ที่บริเวณเอวฝั่งขวา จึงบอกกับกลุ่มเพื่อนและได้ชิงเอาปืนไป ซึ่งผู้เสียหายไม่ทราบว่าคนที่นำปืนของผู้กล่าวหาไป มีชื่อและนามสกุลใด แต่จำตำหนิรูปพรรณของคนร้ายดังกล่าวได้ มีลักษณะตัวโต ผิวคล้ำดำ หน้าลักษณะคล้ายกับคนใต้ ซึ่งเป็นคนสนิทกันกับ ด.ต.กิตติ จากนั้นผู้กล่าวหาก็ได้มีการป้องกันตัวและขัดขืนตลอด และรู้สึกว่าถูกลากไป เมื่อสังเกตเห็นอีกที ก็เห็นกุญแจมืออยู่ที่บริเวณข้อมือฝั่งซ้าย

และผู้เสียหายได้เห็นว่ามีชาย 1 ราย ลักษณะตัวเล็ก พยายามใช้กุญแจมือล็อกแขนผู้กล่าวหาอีกข้างหนึ่ง คือข้างขวา แต่ไม่สำเร็จเนื่องจากผู้กล่าวหาได้ต่อสู้ขัดขืน โดยระหว่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ได้มีกลุ่มชายจำนวน ประมาณ 10 ราย ได้ร่วมกันล็อก และทำร้ายร่างกายผู้กล่าวหาอยู่ตลอด

หลังจากนั้น ด.ต.กิตติ ได้บังคับให้ผู้กล่าวหานั่ง โดยลูกของ ด.ต.กิตติ ใช้ปืนแสตนเลสดำ ไม่ทราบยี่ห้อ ฟาดที่บริเวณใบหน้าด้านขวาของผู้กล่าวหา 2 ครั้ง จากนั้นชายที่นั่งบริเวณด้านซ้าย สวมเสื้อสีเทา เขียวขี้ม้า ลักษณะดำคล้ำ ไว้หนวด สูงประมาณ 170 ซม. ได้เข้ามาเตะ และเอาเก้าอี้มาทุบตีจำนวนหลายครั้ง โดยคนในกลุ่มชาย 10 คน ได้รุมกันทุบตีผู้กล่าวหา มีการใช้แก้ว และเก้าอี้ทุบตีผู้กล่าวหาจำนวนหลายครั้ง เป็นระยะเวลาประมาณ 10 นาที

โดยระหว่างนั้น ด.ต.กิตติ ได้พูดกับผู้กล่าวหาว่า “ยิงคนตายมากี่คนแล้ว ก็ไม่ติดคุก” จากนั้น นายบ่าวได้เตะเสยที่หน้าของผู้กล่าวหา แล้วต่อย ตบ ทุบบริเวณกลางหัวของผู้กล่าวหา

จากนั้น ได้มีผู้กองอาร์ ซึ่งเป็นฝ่ายสืบสวน สน.ลาดพร้าว ได้มาห้ามเหตุการณ์ไว้ ผู้เสียหายจึงได้หลุดออกมาจากสถานการณ์ดังกล่าว และมีคนมาช่วยแต่ไม่สามารถจำได้ว่าเป็นผู้ใด จากนั้นผู้กล่าวหาจึงได้ไปโรงพยาบาลลาดพร้าวเพื่อรักษาตัว โดยแพทย์ได้ลงความเห็นไว้เบื้องต้นว่ากระดูกโหนกแก้มซ้ายร้าว มีเลือดออกในตาขาวทั้งสองข้าง มีอาการฟกช้ำที่หน้า และศีรษะ จากนั้นผู้กล่าวหาจึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับคนร้ายดังกล่าวตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบคำให้การผู้กล่าวหาส่งตัวผู้กล่าวหา ไปตรวจบาดแผลยังโรงพยาบาลตำรวจประสานฝ่ายสืบสวนดำเนินการตรวจสอบกล้องวงจรปิดยังสถานที่เกิดเหตุ

จากการตรวจสอบ ด.ต.กิตติ เคยถูกชุดสืบสวนนครบาลจับกุมเมื่อปี 53 ที่ผ่านมา หลังร่วมกันฆ่าเสี่ยค้าไม้ร้านเข็มทอง 99 ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงทะลุกระจกประตูฝั่งคนขับ 1 นัด กระสุนเข้าที่ศีรษะจนกะโหลกเปิดเสียชีวิตคาที่ขณะขับรถ เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา และหลุดคดีมาได้ทุกครั้งจนกระทั่งเกิดเหตุดังกล่าว.

...