ล็อกตัวแล้ว “นางนกต่อ” ลวงอุ้มฆ่าอำมหิต แม่ยายอัยการ ทุบหัว ฟันท้ายทอย ตัดนิ้วนาง ทั้ง 2 ข้าง ทิ้งศพริมถนนทางเข้าสวนปาล์ม อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ปลดสร้อยคอทองคำ 3 บาท สร้อยข้อมือ 5 บาท แหวนเพชร 2 วง และ เงินสดหายไปเกลี้ยง คาดคนร้ายถอดแหวนไม่ออกเลยตัดนิ้วทิ้ง ลูกสาวเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานอัยการสูงสุดร่ำไห้ เผยแม่อยู่กับสามีชาวเยอรมันที่บ้านใน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี กลับจากไปงานทอดกฐินที่สำนักปฏิบัติธรรม ติดรถเพื่อนบ้านมาลงในหมู่บ้านก่อน มีเพื่อนหญิงโทร.มาหาแล้วขับรถเก๋งมารับปากซอยหายตัวไป กระทั่งพบศพถูกฆ่าทิ้งข้ามจังหวัด ตำรวจตามล็อกตัวเพื่อนหญิงพร้อมรถเก๋งที่ขับมารับผู้ตายแล้ว เร่งเค้นสอบขยายผลถึงผู้ร่วมก่อเหตุลวงฆ่าชิงทรัพย์
คดีฆาตกรรมอำมหิต ทุบหัวฟันคอฆ่าตัดนิ้วแม่ยายอัยการทิ้งศพริมถนนทางเข้าสวนปาล์มเปิดเผย เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 15 พ.ย. ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ผกามาศ รอง สว. (สอบสวน) สภ.วังจันทร์ จ.ระยอง รับแจ้งเหตุพบศพบริเวณปากทางเข้าสวนปาล์มน้ำมัน หมู่ 3 ต.ป่ายุบ อ.วังจันทร์ รายงานให้ พ.ต.อ.พัฒนา รอบรู้ ผกก. นำกำลังตำรวจ ประสานหน่วยกู้ชีพกู้ภัย อบต.ป่ายุบ ไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบศพผู้หญิงรูปร่างท้วม ผมสั้น อายุประมาณ 65 ปี สูงราว 155 ซม. สวมเสื้อสีฟ้าลายดอก นุ่งกางเกงขายาวสีครีม นอนคว่ำหน้าอยู่บนพงหญ้ามีน้ำเจิ่งนองริมถนนลูกรังภายในสวนปาล์ม สภาพศพถูกทุบด้วยของแข็งที่หน้าผากแตกเป็นแผลฉกรรจ์ บริเวณท้ายทอยมีบาดแผลคล้ายถูกฟันด้วยของมีคมเป็นแผลลึก นอกจากนี้ ยังพบว่านิ้วนางทั้ง 2 ข้างถูกตัดทิ้ง ในตัวไม่พบเอกสารหลักฐานว่าเป็นใคร มาจากไหน คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ชม. พบรองเท้าผู้หญิงสีน้ำตาลตกอยู่ 1 ข้างห่างจากศพประมาณ 2 เมตร อีกข้างอยู่ห่างจากศพประมาณ 4 เมตร ใกล้กันยังพบนิ้วผู้ตายที่ถูกตัดทิ้งทั้ง 2 นิ้ว กิ๊บติดผม แว่นตา ลิปสติก สายกระเป๋าสะพาย ตกกระจัดกระจาย คาดว่าเป็นของผู้ตาย ตำรวจเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำศพส่ง รพ.วังจันทร์
...
สอบถามนายสาย คนงานสวนปาล์มชาวลาวผู้พบศพเผยว่า ช่วงเวลาประมาณ 5 โมงเย็น ขี่รถ จยย.ไปซื้อกับข้าวที่ตลาด ช่วงที่ออกจากสวนปาล์มไม่ทันได้สังเกตเห็นอะไร แต่ขากลับหันไปเห็นว่ามีคนนอนอยู่ข้างถนน ตอนแรกคิดว่าคนเป็นลม พอเข้าไปดูพบว่าเสียชีวิตแล้ว รีบโทร.บอกเจ้านาย
ที่เป็นเจ้าของสวนปาล์ม จากนั้นเจ้านายแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัยของ อบต.ป่ายุบ มาตรวจสอบถึงรู้ว่าเป็นศพถูกฆาตกรรม
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามชาวบ้านปากซอยทางเข้าสวนปาล์มทราบว่า ในช่วงบ่ายเวลาประมาณ 13.00 น. เห็นรถเก๋งสีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ขับเข้าไปยังบริเวณจุดที่พบศพ เป็นรถที่ไม่เคยเห็นมาก่อนและไม่ใช่รถของคนในหมู่บ้าน ผ่านไปประมาณ 20 นาที รถคันดังกล่าวก็ขับออกไป ตำรวจสงสัยว่าอาจเป็นรถที่นำศพมาทิ้ง อยู่ระหว่างไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางเพื่อสืบสวนหาเบาะแส
ช่วงเช้าวันที่ 16 พ.ย. พ.ต.อ.พัฒนา รอบรู้ ผกก.สภ.วังจันทร์ สั่งการตำรวจชุดสืบสวนเร่งหาเบาะแสว่าผู้ตายเป็นใครมาจากไหน ประสานโรงพักข้างเคียงว่ามีการแจ้งความคนหายหรือไม่ ขณะที่ ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ ผกามาศ รอง สว. (สอบสวน) เจ้าของคดี นำเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเดินทางไปที่ รพ.วังจันทร์ ร่วมกันตรวจสอบสภาพศพอย่างละเอียดอีกครั้ง ร.ต.อ.ทวีศักดิ์กล่าวว่า ผู้ตายน่าจะเป็นคนนอกพื้นที่ถูกฆาตกรรมจากที่อื่นแล้วนำศพมาทิ้งอำพรางคดี คาดว่าคนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 2 คน เบื้องต้นตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อหาเบาะแสของคนร้าย
ต่อมาตำรวจรับแจ้งจาก น.ส.วรรณรัตน์ แสงแก้ว อายุ 35 ปี ข้าราชการ ตำแหน่งนักจัดการงานทั่วไปปฏิบัติการ สำนักอำนวยการ สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด อยู่บ้านเลขที่ 67/42 หมู่ 3 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ว่าผู้ตายคือ นางวรรณา คือห์เนอร์ อายุ 65 ปี มารดา อยู่บ้านเลขที่ 101/56 หมู่บ้านเคหะโครงการ 3 หมู่ 6 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี หายตัวไปเมื่อวันที่ 15 พ.ย.เวลา ประมาณ 12.40 น. เข้าแจ้งความคนหายไว้ที่ สภ.สัตหีบ ก่อนจะเดินทางมาให้ปากคำที่ สภ.วังจันทร์
จากการสอบสวน น.ส.วรรณรัตน์ ลูกสาวผู้ตายมีสามีเป็นอัยการ ให้การทั้งน้ำตานองหน้าว่า แม่อยู่บ้าน กับสามีชาวเยอรมันอายุ 80 ปี วันเกิดเหตุไปร่วมงานบุญกฐินที่สำนักปฏิบัติธรรมเขาพลอย ต.สัตหีบ ขาไปสามีชาวเยอรมันขี่รถ จยย.ไปส่ง ส่วนขากลับนั่งรถ จยย.พ่วงข้างเพื่อนบ้านกลับมาลงหน้าบ้านของเพื่อนบ้านที่อยู่ในซอยเดียวกันเพื่อเดินกลับบ้านตัวเอง ก่อนจะหายตัวไป กระทั่งพบเป็นศพถูกฆ่าทิ้งในพื้นที่ อ.วังจันทร์ จ.ระยอง วันที่หายตัวไปแม่สวมใส่สร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท สร้อยข้อมือทองคำหนัก 5 บาท แหวนเพชร 2 วง และมีเงินสดไม่ทราบจำนวนในกระเป๋าสะพาย ทั้งหมดสูญหายไป พฤติกรรมคนร้ายโหดเหี้ยมมาก แม่เพิ่งไปทำบุญมา ทำไมต้องฆ่ากันถึงตายและยังตัดนิ้วด้วย
น.ส.วรรณรัตน์กล่าวด้วยว่า เสียใจมากต่อการจากไปของแม่โดยไม่ได้สั่งลา ปกติแม่ชอบสวมใส่เครื่องประดับมีค่า แต่จะใส่เฉพาะงานที่ปลอดภัย ส่วนเวลากลางคืนหรือไปในที่เปลี่ยวจะไม่สวมใส่ไป ส่วนเพื่อนของแม่จะรู้จักเฉพาะเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด เนื่องจากตนอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ ไม่ค่อยรู้จักเพื่อนแม่ทุกคน เวลาไปทำบุญแม่จะบอกเพียงว่าไปทำบุญ ขอให้ตำรวจตามจับคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว
ด้านนายสยาม มาลาเวช อายุ 42 ปี หลานชายผู้ตาย เผยว่า ตอนเช้าสามีชาวเยอรมันของผู้ตายขี่รถ จยย.ไปส่งที่สำนักปฏิบัติธรรม หลังเสร็จงานกฐินผู้ตายนั่งรถ จยย.พ่วงข้างกลับมากับเพื่อนบ้านเป็นสองสามีภรรยาอยู่บ้านใกล้กัน พอลงรถยังไม่ทันเข้าบ้านมีโทรศัพท์โทร.มาหาผู้ตาย แล้วก็มีคนมารับไปโดยไม่ทราบว่าเป็นใคร หลังจากนั้นก็ติดต่อไม่ได้ ก่อนหน้านี้ญาติๆและลูกหลานเคยเตือนไม่ให้สวมใส่สร้อยทองติดตัวมากกลัวเป็นอันตราย แต่ก็ไม่ฟัง เสียใจมากกับการกระทำอันโหดร้าย ขอให้ตำรวจจับคนร้ายมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว
หลังทราบข้อมูลตำรวจ สภ.สัตหีบ ไปตรวจสอบที่บ้านผู้ตายไม่พบความผิดปกติ อยู่ระหว่างตรวจสอบกล้องวงจรปิดในหมู่บ้านและตามเส้นทางละแวกใกล้เคียง ขณะที่สามีชาวเยอรมันของผู้ตายเดินทางไปให้ปากคำที่ สภ.วังจันทร์ เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุมีไม่ต่ำกว่า 2 คน อาจเป็นคนรู้จักหรือเห็นว่าผู้ตายชอบสวมใส่สร้อยทองเครื่องประดับมีมูลค่าสูงเลยลงมืออุ้มฆ่าชิงทรัพย์ วางแผนล่อลวงผู้ตายขึ้นรถไปสังหารโหดแล้วปลดเอาสร้อยทองสิ่งของมีค่า ก่อนจะนำศพไปทิ้งอำพรางคดี ส่วนแหวนเพชรอาจถอดไม่ออกเลยต้องตัดนิ้วเพื่อเอาแหวนไป
...
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน พ.ต.อ.ธนพล กลิ่นเกษร ผกก.สภ.สัตหีบ พ.ต.ท.สุวิจักขณ์ เรืองนวมดี รอง ผกก.สส. ส่งชุดสืบสวนไล่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่จนพบว่า หลังจากผู้ตายนั่งรถ จยย.พ่วงข้างของเพื่อนบ้านกลับเข้ามาในซอย พอลงจากรถยังไม่ทันเข้าบ้านก็มีคนโทรศัพท์มาหา แล้วผู้ตายก็เดินคุยโทรศัพท์ออกไปที่ปากซอย สักพักมีรถเก๋งโตโยต้าวีออส สีขาว ทะเบียน จร 2814 ชลบุรี ขับมารับ คนขับคาดว่าเป็นผู้หญิง จอดรถเปิดกระจกคุยกันสักพักผู้ตายก็เปิดประตูรถขึ้นไปนั่งเบาะหน้าคู่คนขับออกไป
ตำรวจตรวจสอบข้อมูลพบว่าปลายสายเบอร์มือถือที่โทร.หาผู้ตายคนสุดท้ายกับเจ้าของรถเก๋งที่ ขับมารับผู้ตายเป็นคนเดียวกันคือนางกมลวรรณ โวลฟ์ อายุ 57 ปี ที่อยู่ตามบัตรประชาชน บ้านเลขที่ 491/161 หมู่ 10 ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี อีกทั้งยังเป็นรถเก๋งสีขาวคันเดียวกับที่มีชาวบ้านเห็นขับเข้าไปยังจุดที่ทิ้งศพ ตำรวจอยู่ระหว่างสืบสวนติดตามตัว เช็กประวัตินางกมลวรรณมีสามีเป็นชาวต่างชาติ และเคยไปอยู่ในพื้นที่ อ.วังจันทร์ มาก่อนด้วย เชื่อว่าอาจเป็นนางนกต่อหรือมีส่วนรู้เห็นในแผนการล่อลวงผู้ตายไปให้คนร้ายลงมือฆ่าชิงทรัพย์
ด้านนางทองม้วน อาสน์สถิตย์ อายุ 68 ปี เพื่อนบ้านที่ผู้ตายอาศัยรถกลับมาจากงานบุญกฐิน เข้าให้ข้อมูลกับชุดสืบสวนว่า ผู้ตายนั่งรถ จยย.พ่วงข้างกลับมาลงหน้าบ้านตน ระหว่างนั้นมีผู้หญิงโทรศัพท์เข้ามาหาแล้วผู้ตายก็เดินคุยโทรศัพท์ออกไปทางหน้าปากซอย ไม่ได้เอะใจอะไร ตอนที่ไปทำบุญกฐินที่สำนักปฏิบัติธรรมเห็นผู้ตายสวมใส่สร้อยทองและแหวนเพชรเต็มตัว มาทราบภายหลังว่าถูกลวงไปฆ่าก็ตกใจมาก
ต่อมาตำรวจพบรถเก๋งโตโยต้าวีออส สีขาว ทะเบียน จร 2814 ชลบุรี ที่ขับมารับผู้ตายขึ้นรถไปก่อนจะกลายเป็นศพ จอดอยู่ริมถนนในหมู่บ้านแสนปรีดา 9 ต.บึง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จากนั้นไปควบคุมตัวนางกมลวรรณ เจ้าของรถ ไว้ได้ที่บ้าน นำตัวไปที่ สภ.หนองขาม เพื่อเค้นสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีอย่างไรและมีผู้ร่วมก่อเหตุเป็นใครบ้าง ส่วนสามีชาวต่างชาติของนางกมลวรรณทราบว่าขี่รถ จยย.บิ๊กไบค์ไปในพื้นที่เมืองพัทยา ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามตัวมาสอบสวนเช่นกัน ขณะเดียวกันได้นำรถเก๋งคันดังกล่าวไปไว้ที่โรงพักเพื่อประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบเก็บวัตถุพยานต่างๆ ภายในรถทั้งรอยนิ้วมือแฝงคราบเลือดและดีเอ็นเอ
...
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่