"ทนายสายหยุด" ยันถ้า ตร. มีหลักฐานว่า "ทนายตั้ม" เกี่ยวข้องเงิน 39 ล้าน จะไม่ทำคดีให้ และจะแนะนำให้สารภาพ แต่เบื้องต้น "ทนายตั้ม" ยันไม่เกี่ยวข้อง
วันที่ 15 พ.ย. 67 ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" นายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เปิดเผยถึงกรณีเงิน 39 ล้าน ที่ก่อนหน้านี้ อ.ปานเทพ นำหลักฐานมาเปิด ว่า เรื่องนี้ตนยังไม่ได้ถามทนายตั้ม หลังจากฟัง อ.ปานเทพ และพยาน ตนถึงกับนอนไม่หลับ จึงได้เข้าไปสอบถามทนายตั้ม ในเรือนจำ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เพราะเหมือนพยานหลักฐาน เข้าไปใกล้ตัวทนายตั้ม เข้าไปทุกที ทั้งการไปฝากให้คนสนิทไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.บางซื่อ, การถอนเงิน ที่ให้คนชื่อ "มี่" โทรไปจองเงินที่ธนาคาร แถวลาดพร้าว และวันถอนเงิน (29 พ.ค.) ทำไมรถของทนายตั้มต้องไปอยู่ที่นั่น แต่วันนั้นเขาอยู่ต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา ผมเคยบอกว่า ถ้าพบว่าทนายตั้มร่วมจริง จะไม่ทำคดีให้ ซึ่งทนายตั้ม ก็ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้อง แต่ผมก็ต้องรอตำรวจแจ้งข้อเท็จจริงก่อน ซึ่งถ้าตำรวจมีหลักฐาน แต่เรายังสู้ว่าไม่เกี่ยวแล้วเราแพ้ ต้องบอกว่า อัตราโทษมันสูง สำหรับร่วมกันฉ้อโกง
ทั้งนี้ทั้งนั้น ตนยังไม่ได้รับทำคดี 39 ล้านให้ แต่หากตำรวจจะแจ้งข้อหา ผมก็อาจต้องเข้าไปในฐานะที่เป็นทนายของ ทนายษิทรา ด้วย เพื่อร่วมฟังการสอบสวน ว่าจะปฏิเสธอะไร อย่างไร แต่สุดท้ายถ้าเขาผิดจริง ผมก็จะแนะนำให้เขาสารภาพ หรือหาเงินมาเยียวยาชดใช้มาดามอ้อยไป ถ้าเขาผิดนะ โดยจะดูจากพยานหลักฐานในสำนวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลัก
...
เมื่อถามว่า เชื่อทนายตั้มขนาดไหน ทนายสายหยุด บอกว่า เขาเป็นทนายความ เขารู้อยู่แล้วว่า ถ้าเขาแต่งเรื่องมาหลอกผม ผลสุดท้ายมันจะเป็นอย่างไร เพราะมันจะต้องมีหลักฐานอื่นมาหักล้าง ถ้าเขาแต่งเรื่องโกหก เขาติดคุกแน่นอน ล้านเปอร์เซ็นต์ ไม่ต้องสงสัยเลย เขาเป็นทนายต้องรู้ดีว่าเขาต้องพูดความจริงให้ผมฟัง เท่านี้เอง แต่ผมไม่โกรธหรอก
ที่มาจาก รายการเปิดปากกับภาคภูมิ