สมุทรสาคร รวบแล้วโจรมารยาทดี ถอดรองเท้าก่อนเข้าร้าน วิ่งราวทองคำหนัก 4 บาท ห้างทองเยาวราชเกตุม สารภาพหาเงินไปหมั้นสาวที่ต่างจังหวัด หลังก่อเหตุหนีขึ้นรถทัวร์ไปภาคเหนือ ตำรวจสกัดจับกลางทาง
จากเหตุการณ์คนร้ายเป็นชาย 1 คน อายุประมาณ 30 ปีเศษ รูปร่างท้วม สวมเสื้อคลุมสีดำแบบมีฮู้ด สวมหน้ากากอนามัยสีดำ ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ที่ห้างทองเยาวราชเกตุม ซึ่งตั้งอยู่ในซอยข้างวัดเกตุมดีศรีวราราม ม.6 ต.บางโทรัด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ห่างจากถนนพระราม 2 เข้าไปประมาณ 100 เมตร โดยทรัพย์ที่ได้เป็นสร้อยคอทองคำเส้นละ 2 บาท จำนวน 2 เส้น ซึ่งโจรรายนี้มารยาทดี รักสะอาด ถอดรองเท้าก่อนเข้าร้านไปชิงทอง แต่ตอนวิ่งหนีดันลืมทิ้งรองเท้าไว้ตรงประตูทางเข้าออกจนกลายเป็นหลักฐานอีกชิ้นหนึ่งนั้น เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น.ของวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 พ.ต.อ.ธีระเดช อธิภัคกุล รองผู้บังคับการ รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สิทธิโชคธรรม ผกก.สภ.บางโทรัด นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางโทรัด ได้ร่วมกันนำตัวผู้ก่อเหตุ คือ นายสมลักษ์ จันทองแท้ อายุ 32 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด ปัจจุบันทำงานอยู่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ ซึ่งก็ใช้เวลาในการทำแผนประมาณ 20 นาที จากนั้นนายสมลักษ์ฯ ได้ยกมือไหว้ขอโทษพนักงานหญิงในร้าน
ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้พาตัวขึ้นรถกลับไปดำเนินคดี ซึ่งทางผู้ต้องหาไม่ได้พูดอะไร บอกเพียงแค่ว่าได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้ว ส่วนเรื่องการถอดรองเท้าไว้หน้าร้าน ก็เพราะทางร้านมีป้ายให้ถอดรองเท้าก่อนเข้าร้าน ตนก็ปฏิบัติตามป้ายเท่านั้น
...
พ.ต.อ.ธีระเดช อธิภัคกุล รองผู้บังคับการ รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยภายหลังทำแผนฯ ว่า ก่อนก่อเหตุ ผู้ต้องหารายนี้ เดินทางมาเยี่ยมแม่ในพื้นที่ตำบลบางโทรัด ประกอบกับความต้องการที่จะหาเงินไปหมั้นสาวที่ต่างจังหวัด จึงลงมือก่อเหตุชิงทองเป็นสร้อยคอทองคำ 2 เส้น หนักเส้นละ 2 บาท รวมมูลค่า 171,600 บาท
โดยหลังจากคนร้ายก่อเหตุชิงทองแล้ว ได้ขับรถจักรยานยนต์หลบหนีเข้าไปในเส้นทางรถไฟ ซึ่งเป็นชุมชนและมีตรอกซอกซอยให้หลบหนีหลายทิศทาง จากนั้นได้จอดรถ จยย.ทิ้งไว้ แล้วขึ้นรถแท็กซี่เข้าตัวเมืองมหาชัย เพื่อนำสร้อยคอทองคำไปขายที่ร้านทองแห่งหนึ่งในห้างสรรพสินค้าย่านตัวเมืองมหาชัย ได้เงินมาประมาณ 162,000 บาท เสร็จแล้วก็ขึ้นรถแท็กซี่ไปยังสถานีหมอชิต เพื่อขึ้นรถทัวร์โดยสารไปลงยังสถานีขนส่งจังหวัดแพร่
ซึ่งจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้ทราบเส้นทางการหลบหนี กระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 22.30 น. ของวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 ได้มีการประสานกับ สภ.วชิรบารมี สกัดจับไว้ได้บริเวณสี่แยกปลวกสูง ต.บ้านนา อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร ขณะที่ผลการตรวจค้นตัว พบเงินสดจำนวน 160,000 บาท (เป็นเงินที่ได้จากการขายทองที่ทำการวิ่งราวทรัพย์มา), เสื้อคลุมสีดำ 1 ตัว (ที่สวมใส่ในขณะก่อเหตุ), รองเท้าผ้าใบสีขาว 1 คู่, กระเป๋าสะพาย 1 ใบ, กางเกงวอร์มสีเทา 1 ตัว และตั๋วโดยสารรถประจำทาง กรุงเทพฯ-แม่สาย จำนวน 1 ใบ
พ.ต.อ.ธีระเดชฯ ยังบอกอีกว่า จากการสอบถาม นายสมลักษ์ ให้การรับสารภาพว่า ตนเป็นผู้ก่อเหตุจริงและได้นำทองทั้งสองเส้นไปขายที่ร้านทองแห่งหนึ่ง หลังจากได้เงินมาตนเองจึงได้ขึ้นรถโดยสารเพื่อจะไปลงที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.แพร่ ส่วนที่ก่อเหตุเพราะต้องการหาเงินไปหมั้นสาว
นอกจากนี้ทางด้านของรองผู้บังคับการฯ ยังฝากถึงผู้ประกอบการร้านทองในการให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เกี่ยวกับการซ้อมแผนเผชิญเหตุ และการแจ้งเหตุคนร้าย รวมถึงการให้ความร่วมมือกับการให้ข้อมูลเบาะแสของคนร้ายที่ก่อเหตุในร้านทอง เพื่อความรวดเร็วในการติดตามจับกุมตัว ยิ่งตอนนี้ทองคำมีราคาสูง จึงเป็นเป้าหมายสำคัญในการก่อเหตุสูง จึงต้องขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายให้ช่วยกันทั้งทางด้านของการป้องกันภายในร้าน การแจ้งเบาะแสและการให้ข้อมูลที่สำคัญกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างรวดเร็ว
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายสมลักษ์ จันทองแท้ ผู้ต้องหา ไปดำเนินคดีในความผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ”.