เผย ทนายตั้ม วางแผนเตรียมหลอกเจ๊อ้อย ซื้อเรือยอร์ช 300 ล้าน ตำรวจเจอหลักฐานปลอมใบเสร็จรถเบนซ์ โกงเงินส่วนต่าง 1.5 ล้าน เชื่อมีพรายกระซิบก่อนหมายจับออก เตรียมตัวรับมือตำรวจอย่างดี โยกย้ายทรัพย์สินออกจากบ้านเหลือแต่ตู้เซฟว่างเปล่า พกโทรศัพท์เครื่องใหม่ ไร้ร่องรอยข้อมูลให้แกะรอย
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับจุดแตกหักที่ทำให้ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ เจ๊อ้อย ตัดสินใจแจ้งความดำเนินคดีกับ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ฉ้อโกงเงินจำนวน 71 ล้านบาท นั้น มาจากเหตุการณ์วันที่ นายษิทรา พา น.ส.จตุพร หรือ เจ๊อ้อย ไปดูเรือยอร์ชมูลค่า 300 ล้านบาท เพื่อจะให้ เจ๊อ้อย ซื้อเรือลำดังกล่าว แต่ในวันดังกล่าว เจ๊อ้อย เกิดทวงถามถึงเอกสาร หรือ หนังสือกรรมสิทธิ์รถเบนซ์ มูลค่า 13 ล้านบาท ที่ให้นายษิทรา ไปดำเนินการซื้อรถขึ้นมา แล้ว นายษิทรา กลับบ่ายเบี่ยงไม่ยอมนำหนังสือหรือเอกสารการครอบครองรถมาให้ เจ๊อ้อย โดยไม่ทราบเหตุผลหรือเจตนา ทำให้เกิดมีปากเสียงกันขึ้น ก่อนที่ต่อมานายษิทรา จะยอมคืนหนังสือกรรมสิทธิ์รถคันดังกล่าวคืนให้กับเจ๊อ้อย แต่ถึงตอนนั้นทั้งคู่ก็เกิดหมางใจกันไปแล้ว รวมถึงทำให้โปรเจกต์ซื้อเรือยอร์ชมูลค่า 300 ล้านบาท ต้องหยุดชะงักลง
จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ เจ๊อ้อย เริ่มไม่ไว้ใจนายษิทรา เหมือนแต่ก่อน รวมถึงยกเลิกโปรเจกต์ซื้อเรือยอร์ชมูลค่า 300 ล้านบาท ผ่านนายษิทรา พร้อมกันนี้ยังได้ทวงถามความคืบหน้าเกี่ยวกับการลงทุนแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ที่ เจ๊อ้อย เคยนำเงิน 71 ล้านบาท ให้กับนายษิทรา ไปดำเนินการว่าจ้างบริษัทผลิตแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ สร้างโปรแกรม วางระบบ และ สร้างแอปขึ้นมา แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ก่อนที่จะมาทราบภายหลังว่าไม่ได้ดำเนินการว่าจ้างบริษัทดังกล่าวทำแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ตามที่กล่าวอ้าง จึงพยายามทวงถามเงินกลับคืนแต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยง จึงตัดสินใจนำเรื่องเข้าแจ้งความจนนำมาสู่การตรวจสอบดำเนินคดีออกหมายจับและจับกุม นายษิทรา และ ภรรยา ได้ดังกล่าว
...
รายงานข่าวแจ้งอีกด้วยว่า จากแนวทางสืบสวน เจ้าหน้าที่ยังพบหลักฐานสำคัญหลายอย่างที่ทำให้เชื่อว่า นายษิทรา มีพฤติกรรมตั้งใจที่จะฉ้อโกงเงินจาก เจ๊อ้อย จริง โดยเฉพาะหลักฐานเอกสารการจัดซื้อรถเบนซ์มูลค่า 13 ล้านบาท หลังพบว่ามีการจัดทำเอกสารใบเสร็จซื้อรถจำนวน 2 ชุด โดยชุดแรกเป็นใบเสร็จซื้อรถจากโชว์รูมที่มีการระบุราคาจริง คือ 11.5 ล้านบาท ส่วนใบเสร็จอีกชุดที่นายษิทรา นำไปแสดงให้กับ เจ๊อ้อย ดูนั้นเป็นใบเสร็จที่ทำขึ้นมาใหม่ ซึ่งมีการระบุตัวเลขราคารถให้สูงขึ้นจากราคาจริง คือ 13 ล้านบาท เพื่อจะนำเอาเงินส่วนต่าง 1.5 ล้านบาท เข้ากระเป๋าตนเอง ซึ่งข้อเท็จจริงในส่วนนี้ทางพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. ได้ทำการสอบปากคำพนักงานขายของโชว์รูมและพยานบุคคลต่างๆ ไว้หมดแล้ว ซึ่งคำให้การของพยานเหล่านี้ก็สอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบ
ขณะเดียวกันจากแนวทางสืบสวน เจ้าหน้าที่ยังเชื่อว่า ก่อนหน้าที่นายษิทรา และ ภรรยา จะถูกจับกุมตัว น่าจะมีการเตรียมการไว้เป็นอย่างดี มีการโยกย้ายทรัพย์สินมีค่าออกจากบ้านพัก และ ตู้เซฟ จนหมดเกลี้ยง คงเหลือทรัพย์บางส่วนทิ้งไว้ อีกทั้งโทรศัพท์มือถือที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดไว้นั้น ยังเป็นโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ ภายในเครื่องไม่มีข้อมูลใดๆบันทึกไว้ ผิดแปลกจากคนปกติทั่วไป รวมถึงเชื่อว่ามีสายข่าวคอยส่งสัญญาณแจ้งความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา
นอกจากนี้จากการสอบปากคำพยานบุคคลฝั่งของนายษิทรา บางราย ยังยอมรับว่า มีการเตี๊ยมคำให้การ หรือ ให้พูดตามสคริปต์ที่เตรียมมา เพื่อปิดบังข้อเท็จจริง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าบุคคลใดเป็นผู้บงการ