หนุ่มร้อง ชายที่เพิ่งคบกันได้เพียง 3 เดือน หลอกเอารถ จยย. ไปจำนำ ส่งแชตสารภาพผิด ขอเวลาเอาบัญชีม้าไปขาย หาเงินมาไถ่คืน

วันที่ 6 พ.ย. 2567 นายศุภสัณห์ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว หลังถูก นายกอล์ฟ (นามสมมติ) ชายที่รู้จักกันทางโซเชียล และคบหากันได้ประมาณ 3 เดือน ออกอุบายเพื่อนำรถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ในบ้าน ไปขายให้กับพ่อค้า ซึ่งมายกรถไปจากหน้าบ้าน โดยมีหลักฐานเป็นภาพจากวงจรปิด และได้แจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองลพบุรี

นายศุภสัณห์ เล่าว่า นายกอล์ฟ อายุ 22 ปี ผู้ก่อเหตุ เป็นแฟนหนุ่มรุ่นน้อง ซึ่งได้รู้จักกันทางโซเชียล ซึ่ง นายกอล์ฟ อ้างว่าที่บ้านประกอบอาชีพให้เช่ารถยนต์ และหลังจากคุยกันสักระยะ ก็นัดเจอกัน โดย นายกอล์ฟ ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อ MG สีส้ม ทะเบียนป้ายแดง มาหาที่บ้าน และขับรถคันนี้ไปมาหาสู่กันตลอดระยะเวลา 3  เดือน ก่อนที่จะเริ่มเอ่ยปากขอยืมเงิน 5,000 บาท อ้างต้องไปทำธุระด่วน และจะคืนให้ในวันที่ 5 พ.ย. 67 ตนก็ให้ยืม แต่ได้ถ่ายเอกสาร บัตรประชาชน พร้อมเขียนข้อความขอกู้ยืมเงินเอาไว้เป็นหลักฐาน

ล่าสุด วันที่ 31 ต.ค. 67 นายกอล์ฟ ได้ขับรถเก๋งป้ายแดงคันเดิม มาหาตนที่บ้านแต่เช้า และออกอุบายว่าคะยั้นคะยอจะไปส่งตนทำงาน ซึ่งตามปกติแล้ว ตนจะขี่รถจักรยานยนต์ไปทำงานทุกวัน ตนไม่ได้เอะใจจึงยอมให้ขับรถไปส่ง โดยที่จอดรถจักรยานยนต์ไว้ในบ้าน เสียบกุญแจคาไว้ เพราะคิดว่า เดี๋ยวนายกอล์ฟ ต้องกลับมารออยู่ที่บ้าน 

...

นายศุภสัณห์ เล่าต่อว่า พอหลังเลิกงาน ตนยังไม่เห็น นายกอล์ฟ มารับ จึงนั่งรถรับจ้างกลับบ้าน พอไปถึงก็ไม่เจอใคร รถจักรยานยนต์ก็หายไป ในบ้านถูกรื้อค้นกระจัดกระจาย  จึงไปขอดูวงจรปิดเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้าม พบว่าช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. นายกอล์ฟ ได้เข็นรถจักรยานยนต์ของตนออกมาจากบ้าน นำมาจอดไว้ที่หน้าประตู โดยมีชายหญิงเดินถือเอกสาร คาดว่าเป็นเอกสารรถของตน จากนั้นชายหญิง ก็ยืนดูสภาพรถ ก่อนที่นายกอล์ฟจะเข็นรถจักรยานยนต์ไปขึ้นท้ายกระบะ ที่คาดว่าจะเป็นของพ่อค้าที่มารับซื้อรถมือสอง เพราะหลักฐานรถที่เก็บไว้ก็หายไป 

ซึ่งตนพยายาม แชตไปหา นายกอล์ฟ และบอกว่ามีหลักฐานให้เอารถมาคืน แต่เขาก็แชตกลับมาบอกว่า ตอนนี้เอารถไปจำนำไว้ ขอเวลาหน่อย ไม่เกิน 5 วันจะเอารถมาคืน เพราะตอนนี้กำลังข้ามไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเอาบัญชีม้าไปขาย ซึ่งหลังจากที่ นายกอล์ฟ ส่งข้อความนี้มา ก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย

โดยวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นัดไปสอบปากคำเป็นครั้งที่ 2 เพื่อเปลี่ยนแปลงข้อหาเดิมจาก ยักยอกทรัพย์ มาเป็นลักทรัพย์ ส่วนคนที่มารับรถตนไป แจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ เพื่อที่จะดำเนินการติดตามตัว มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.