ผู้ว่าอยุธยาสั่งไล่บี้ จับแล้วหัวโจกแก๊งอ้างเป็น อส. รีดเงินรถบรรทุกสินค้า 2.5 แสนบาท ออกหมายจับตามล่าอีก 2 ราย สั่งไล่เช็กวงจรปิด เจอใครเกี่ยวข้องไม่มีไว้หน้า สารภาพใช้วิธีแฝงตัวกับเจ้าหน้าที่จนตายใจ ก่อนหลอกไปค้นรถเหยื่อ

จากกรณีกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ อส.ไปตรวจค้นรถบรรทุกสินค้าแล้วเรียกรับเงินแลกกับการไม่ถูกกัก จนเจ้าของกลัวเสียหาย ยอมจ่าย 2.5 แสนบาท เหตุเกิดบนถนนพหลโยธิน อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา โดยต่อมานายศุภกร อนันตรักษ์ ป้องกันจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พาเจ้าหน้าที่ปกครองจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ อส.เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.วังน้อย หลังถูกกล่าวหาว่ารู้เห็นในการตรวจค้นรถสินค้าแล้วเรียกรับเงิน 2.5 แสนบาทดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่าศาลได้ออกหมายจับผู้ต้องหา 3 คน มี 1.นายวาสุ จารุธนาวสุ อายุ 42 ปี เป็นชาวกรุงเทพมหานคร 2.นายพัทธพล อักษรนิติตะวัน อายุ 34 ปี ชาวจังหวัดอ่างทอง และ 3.นายสุรเชษฐ์ แสงง้าว ชาวจังหวัดปราจีนบุรี ในข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา สามารถจับกุมตัวนายพัทธพล ซึ่งเป็นหัวโจกได้แล้วในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยนายพัทธพลให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ที่ติดต่อเรียกรับเงินจากเจ้าของรถบรรทุกสินค้าดังกล่าวเป็นเงิน 2.5 แสนบาทในคืนเกิดเหตุ โดยให้โอนเข้าบัญชีของเพื่อนที่เป็นอดีตครู จากนั้นก็ไปกดเงินออกทันที จำนวน 2 ครั้งเป็นเงิน 1.5 แสนบาท โดยยังไม่บอกว่านำเงินไปให้ใครบ้าง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามผู้ต้องหาที่เหลือตามหมายจับอีก 2 คน และจะนำตัวเจ้าของบัญชีมาสอบสวนเพื่อขยายผลต่อไป

...

นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจไล่เช็กกล้องวงจรปิดเส้นทางที่รถไปที่ใดบ้าง รวมทั้งเส้นทางการเงินทั้งหมด หากพบใครเกี่ยวข้องให้ดำเนินคดีให้หมด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป